วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2563

การให้อภัยไม่สิ้นสุด

 


การให้อภัยไม่สิ้นสุด

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา

ปี A

บสร 27:30-28:7

รม 14:7-9

มธ 18:21-35

บทนำ

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง  เมื่อทหารนาซีบุกยึดเนเธอร์แลนด์ ครอบครัวของคอร์รี่ บูม ได้ให้ความช่วยเหลือชาวยิวจำนวนมาก ไม่ให้ถูกกวาดต้อนไปค่ายมรณะเอาชวิทซ์ (Auschwitz) ที่สุด ทหารนาซีล่วงรู้สิ่งที่ครอบครัวของเธอทำอยู่ ทำให้เธอและน้องสาวชื่อเบทซีถูกส่งตัวไปค่ายกักกันราเวนบรัค (Ravenbruck) มีเพียงคอร์รีรอดชีวิตจากค่ายกักกัน เมื่อสงครามสงบคอร์รี่ได้เดินทางไปทั่วยุโรป บรรยายเรื่องการให้อภัยและการคืนดี

หลังการบรรยายครั้งหนึ่งที่มิวนิค ประเทศเยอรมัน ชายคนหนึ่งได้ก้าวออกมาข้างหน้า ขอบคุณเธอและยื่นมือเพื่อสัมผัส เขาคือทหารนาซีจากค่ายราเวนบรัค ความเลวร้ายซึ่งคอร์รีได้รับและความตายของน้องสาวทำให้คอร์รี่ไม่สามารถสัมผัสมือเขาได้ แต่เมื่อได้อธิษฐานภาวนาขอพระเยซูเจ้า เธอสามารถสัมผัสมือและให้อภัยเขาได้อย่างสนิทใจ พระหรรษทานและความช่วยเหลือของพระเยซูเจ้า ทำให้เธอสามารถให้อภัยและยกโทษคนทำผิดต่อเธอได้

พระวรสารวันนี้เตือนเราถึงหน้าที่และพันธกิจสำคัญของการเป็นคริสตชน ในการเดินตามรอยเท้าและก้าวย่างของพระเยซูเจ้า อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เรื่องแบบอย่างการให้อภัย ขณะถูกตรึงบนไม้กางเขนพระองค์ได้ร้องขอพระบิดาให้อภัยผู้ประหารพระองค์ “พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลก 23:34) นี่คือ ความรักเปี่ยมล้นพระหฤทัยใจของพระองค์ แม้ในห้วงเวลาเลวร้ายที่สุดของชีวิต

 

1.        การให้อภัยไม่สิ้นสุด

เราต้องขอบคุณนักบุญเปโตรที่ยกปัญหาถามพระเยซูเจ้า “ถ้าพี่น้องทำผิดต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องยกโทษให้เขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือไม่” (มธ 18:21) เปโตรหวังได้รับคำชมจากพระเยซูเจ้า เพราะเลขเจ็ดถือเป็นเลขสมบูรณ์ อีกทั้ง คำสอนของอาจารย์ชาวยิว การยกโทษคนทำผิดสามครั้งถือว่ามากที่สุดแล้ว แต่พระเยซูเจ้าตอบเปโตรว่า “ต้องยกโทษให้เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง” (มธ 18:22) ซึ่งหมายถึง “จำนวนที่ไม่จำกัด” ต้องยกโทษหรือให้อภัยไม่สิ้นสุด

การให้อภัยเป็นเรื่องทำได้ยากทั้งแนวคิดและวิธีปฏิบัติ เพราะเราคุ้นเคยกับการแก้แค้นแบบ “ตาต่อตาฟันต่อฟัน” แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนว่าเพื่อมีความสุขแท้จริง ต้องให้อภัยไม่สิ้นสุด อุปมาที่พระองค์ทรงเล่า ชี้ให้เห็นถึงจำนวนเงินมหาศาลซึ่งผู้รับใช้เป็นหนี้กษัตริย์ที่ไม่อาจใช้คืนได้เลย  แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเงินเพียงเล็กน้อยซึ่งเพื่อนเป็นหนี้เขา สิ่งนี้ทำให้เราตระหนักว่าผู้ทำผิดต่อเรา เทียบไม่ได้กับความผิดที่เราทำต่อพระเจ้า

ในทางจิตวิทยา การไม่ให้อภัยนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานในจิตใจ การให้อภัยไม่เพียงส่งผลดีต่อสุขภาพจิต แต่ยังส่งผลดีต่อชีวิตฝ่ายจิตด้วย ดังนี้ พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เรารักผู้อื่นแม้เขาทำไม่ดีต่อเรา ให้อภัยเขาด้วยใจกว้าง หากเราไม่ทำเช่นนี้  ไม่ใช่พระเจ้าที่ลงโทษเรา แต่เป็นเราที่ทำร้ายตัวเอง เราจะรู้สึกทุกข์ใจไม่เป็นสุข แต่เวลาใดเรายอมให้อภัย จิตใจเราจะพบความสุขสงบและความยินดี

2.        บทเรียนสำหรับเรา

อุปมาได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก  เราต้องให้อภัยไม่สิ้นสุด การให้อภัยพี่น้องด้วยจริงใจเป็นเงื่อนไขสำคัญ หากเราต้องการให้พระเจ้าอภัยบาปเรา “โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น” (มธ 6:12) การคืนดีกับพี่น้องย่อมประเสริฐกว่าการถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า เราคืนดีกับพระเจ้าไม่ได้หากเราไม่คืนดีกับพี่น้องก่อน เราให้อภัยพี่น้องเพราะพระเจ้าทรงให้อภัยเราก่อน “ผิดพลาดคือมนุษย์ อภัยไม่สิ้นสุดคือพระเจ้า” (Alexander Pope)

ประการที่สอง เราต้องเป็นผู้ใจดีมีเมตตา พระเจ้าทรงความเมตตากรุณาต่อเราก่อนเสมอ โปรดให้ดวงอาทิตย์...ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม (มธ 5:45) ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาในโลกเพราะความรัก เราต้องมีใจเมตตาต่อผู้อื่น “ผู้มีใจเมตตาย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา” (มธ 5:7) ผู้รับใช้ไร้เมตตาคนนั้นได้รับโทษ เพราะขาดความเมตตาต่อเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน

ประการที่สาม เราต้องเป็นคนแรกที่ให้อภัย การให้อภัยเป็นเรื่องยากลำบากเสมอ โดยเฉพาะกับคนที่ปฏิเสธการให้อภัยของเรา แต่ความรักของพระเจ้าและความรักต่อพี่น้อง เรียกร้องให้เราเป็นคนแรกที่ให้อภัยเสมอ เพราะพระเจ้าทรงรักและให้อภัยเราอย่างไม่สิ้นสุด แม้เราได้ทำผิดต่อพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พระองค์ไม่ทรงจดจำความผิดและไม่เคยถือโทษโกรธเคือง

บทสรุป

พี่น้องที่รัก การให้อภัยเป็นเครื่องหมายของการเป็นคริสตชนที่เป็นผู้ใหญ่ ที่เอาใจใส่ต่อพี่น้องด้วยความรัก เป็นต้นในครอบครัว สังคมหรือหมู่คณะ เพื่อสร้างสัมพันธภาพใหม่ระหว่างสามีภรรยา พ่อแม่ลูก เพื่อนฝูง สมาชิกในคณะหรือแม้กระทั่งศัตรูให้กลับคืนมาอีกครั้ง บนพื้นฐานแห่งความรักแบบคริสตชน ที่พระเยซูเจ้าทรงสอนและทำให้เห็นบนไม้กางเขน ในการให้อภัยผู้ประหารพระองค์

เราแต่ละคนล้วนเป็นคนบาปและเคยทำผิดมาด้วยกันทั้งนั้น เราต้องการการให้อภัยจากผู้อื่นและต้องเป็นคนแรกที่พร้อมให้อภัยผู้ทำผิดต่อเรา  “ใครที่ไม่ยอมให้อภัย เท่ากับว่าเขาได้ทำลายสะพานที่ต้องใช้ข้าม” (Wilfred Peterson) ศิษย์พระคริสต์ต้องให้อภัยไม่สิ้นสุด ให้อภัยทุกคนและให้อภัยเสมอ ลืมและไม่จดจำความผิด ปฏิบัติต่อเขาประหนึ่งว่าไม่เคยทำผิด ทั้งนี้เพราะการให้อภัยนำสันติสุขแท้มาสู่จิตใจผู้ให้อภัยและผู้ได้รับการอภัย

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

12 กันยายน 2020

ภาพ: เด็กชาวอิตาเลียน, โบฟฟาโลรา, มิลาน อิตาลี; 2008-07-22

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น