ศึกษาและดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่น (จบ)
การศึกษาและดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่นได้มาถึงวันสุดท้าย ซึ่งไม่ได้มีภารกิจอะไรพิเศษนอกจากการเก็บสัมภาระและของฝากเข้ากระเป๋า
น้ำหนักกระเป๋าของแต่ละคนในวันเดินทางกลับช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับวันเดินทางมา
แต่ละคนมีกระเป๋าลูก เป้และถุงหิ้วเพิ่มขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ
แต่ที่เริ่มเบาหวิวคือกระเป๋าสตางค์ บางท่านเงินเยนที่เตรียมมาหมดตั้งแต่ 2-3 วันแรก
เราออกเดินทางจากโรงแรมที่พัก
Narita View Hotel ในเวลา
09.00 น. ใช้เวลาเดินทางไปถึงสนามบินนาริตะประมาณ 20 นาที หลังจากเช็คอินเป็นทีเรียบร้อย แต่ละคนยังมีเวลาจับจ่ายซื้อของกินของฝากกันอีกครั้ง
บ้างสอบถามกันถึงของฝากจากญี่ปุ่นที่ควรซื้อ
บางคนก็อาศัยสังเกตจากคนญี่ปุ่นเองว่าเขาซื้ออะไรไปฝากกัน
เรียกได้ว่าซื้อตามเจ้าของบ้านไว้ก่อน รับรองไม่ผิดหวัง
ที่สุด
คณะของเราได้ขึ้นเครื่องในเวลา 11.15 น. เพื่อเดินทางกลับมาตุภูมิด้วยเครื่องบินโบอึ้ง 787 ลำใหม่ของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG643 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัยในเวลา
17.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ใช้เวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง เป็นการสิ้นสุดภารกิจการศึกษาและดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่น
เหลือไว้แต่ภาพความประทับใจ ความทรงจำที่ดีงามและมิตรภาพ ตลอดระยะเวลา 6 วัน 5 คืน
ก่อนจะกล่าวคำอำลาและแยกย้ายกันเดินทางกลับต้นสังกัด เพื่อเริ่มต้นงานและทำหน้าที่ของตนเองต่อไป
บทส่งท้าย
การมาศึกษาและดูงาน
ณ ประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม หรือ “สุโก้ยย”「すごい!」ในภาษาญี่ปุ่น
ทุกคนต่างได้ประโยชน์และได้รับประสบการณ์อันล้ำค่าที่เงินหาซื้อไม่ได้ ทำให้นึกถึงประโยคอันเป็นอมตะวาจาของจักรพรรดิ์เชซาร์ที่กล่าวไว้ว่า
“VENI, VIDI, VICI: ข้ามา ข้าเห็น ข้าชนะ” และอยากจะกล่าวประโยคเดียวกันนี้แต่เปลี่ยนคำสุดท้ายว่า
“ข้ามา ข้าเห็น ข้าประทับใจ”
เป็นความประทับใจและชื่นชมในทุกสิ่งทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นประเทศญี่ปุ่น อาทิ
ความกลมกลืนระหว่างความเจริญทางวัตถุและรากเหง้าดั้งเดิม ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นผู้นำทางนวัตกรรมและมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
แต่ยังคงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เช่น
การเคารพผู้อาวุโส ความกตัญญูรู้คุณ ไมตรีจิตมิตรภาพในการต้อนรับผู้มาเยือน การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย
ใช้ของดีแต่ราคาถูก (หลายอย่างถูกกว่าเมืองไทยมาก) ไม่กินทิ้งกินขว้าง รู้สึกทึ่งมากที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าโลกในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์และจักรยานยนต์
แต่คนญี่ปุ่นเลือกที่จะใช้รถยนต์ขนาดเล็กและปั่นจักรยานไปทำงาน
ความเจริญทางวัตถุและการไม่มีศาสนาไม่ได้ทำให้คนญี่ปุ่นด้อยลง
ญี่ปุ่นมีความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุมากในทุกๆ
ด้าน อีกทั้งคนในชาติส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่มีศาสนายึดถือ แต่คนญี่ปุ่นกลับคนเป็นคนที่มีจิตใจสูง
น้ำใจงาม มีคุณธรรมและจริยธรรมมากกว่าทุกประเทศ เช่น
มีวินัยในตนเองและความรับผิดชอบสูง เคารพกฎกติกาและให้เกียรติผู้อื่น
ไม่แซงคิวหรือเอาเปรียบผู้อื่น ซื่อสัตย์สุจริตไม่คดโกงใคร
คุณภาพของประชากร เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่น่าอยู่ พัฒนาแบบก้าวกระโดดและประสบผลสำเร็จ
พวกเขาปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่เวลาเป็นเด็ก เช่น การตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย
การทำงานเป็นทีม ความสะอาดเป็นระเบียบ ทำให้มองไปทางไหนมีแต่ความสะอาดเรียบร้อย ความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่โอ้อวด
การประหยัดรู้คุณค่าของเงินและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ความซื่อสัตย์สุจริต
ไม่คดโกงและเอาเปรียบใคร
สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประสบผลสำเร็จและโดดเด่นกว่าทุกประเทศ
อีกทั้งหล่อหลอมให้คนญี่ปุ่นเป็นคนที่น่ารัก จิตใจงาม สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน
นี่คือมนต์เสน่ห์ที่ดึงดูดใจผู้คนจากทั่วโลกให้ได้มาเยือนสักครั้งในชีวิต
และเมื่อได้มาแล้วก็ปรารถนาจะกลับมาอีกเหมือนอย่างคณะของพวกเรา
ต้องขอบคุณเป็นพิเศษ “คุณเรียวตะ ฟูจิอิ” (Ryota
Fujii) ที่ได้ทำหน้าที่ดูแลพวกเราด้วยความอดทน เสียสละอย่างดียิ่งและประทับใจ
สุดท้าย ขอขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ลืมไม่ได้คือ
ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับ บริษัทผลิตปัญญา (Make a Wit) โดยคุณวสันต์ นาคเจริญวารีและทีมงาน ที่ได้จัดโปรแกรมนี้สำหรับพวกเรา
รวมถึงอาจารย์กุ้ง สุดาพร บุญรัตน์พันธ์ ที่ทำหน้าที่ล่ามและประสานงานได้อย่างไร้ข้อตำหนิ
รวมถึง ขอขอบคุณผู้ร่วมเดินทางทุกคน ในมิตรภาพและความรักแบบพี่น้อง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการศึกษาและดูงานเช่นนี้อีก อาริกาโตะ
โกะซาอิมาซ ありがとう ございます。
Don Daniele เรื่อง/ภาพ
danielkhuan@hotmail.com
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟยานนาวา
กรุงเทพฯ
18 มกราคม 2015
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น