ศึกษาและดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่น (ต่อ)
การศึกษาและดูงานวันนี้ (16 มกราคม
2015) เป็นแบบง่ายๆ ไม่รีบร้อน แต่ดูเหมือนพวกเราจะตื่นแต่เช้ากันเป็นส่วนใหญ่
เพื่อจะได้มีเวลาทำในสิ่งที่ตนเองพึงพอใจ บางคนเลือกที่จะไปแช่ออนเซนในตอนเช้าอีกครั้ง
เพราะรู้สึกว่าเกิดประโยชน์กับร่างกายตนเอง บางคนเลือกที่จะไปชมหิมะเวลาสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้า
ซึ่งแลดูงดงามตระการตายิ่งนัก และเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
เมื่อทุกอย่างพร้อมได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่
“นิกโกเอโดะ
วันเดอร์แลนด์” (Edo
Wanderland) หมู่บ้านจำลองยุคสมัยเอโดะหรือเหล่าโชกุนในยุครุ่งเรือง
ซึ่งได้จำลองช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ที่สำคัญช่วงหนึ่งของญี่ปุ่นเอาไว้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและวิถีชีวิตของคนในสมัยเอโดะ
ในระหว่างปี ค.ศ. 1603-1868 มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมเอโดะขนานแท้และดั้งเดิม
ที่จำลองความเป็นเอโดะในยุคก่อนเอาไว้
เมื่อพวกเราเดินทางมาถึง
ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าซามุไร
ได้เห็นถึงการจำลองทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเอโดะอย่างละเอียดและพิถีพิถัน
ทำให้พวกเราได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่แท้จริง อาทิ ได้รื่นรมย์กับระบำสายน้ำที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวและควบคุมสายน้ำได้ดั่งใจของสาวๆ
ในชุดกิโมโน ได้สนุกไปกับการต่อสู้อันเร้าใจของเหล่านินจา
และชื่นชมกับความงามของโออิรัน สาวงามแห่งเกอิชา
ซึ่งคนหนึ่งในพวกเราได้รับเชิญให้ไปร่วมแสดงด้วย
จากนั้นได้เดินทางไปเมืองนาริตะ
แวะซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าอิออน ข้าวของในญี่ปุ่นไม่ได้แพงอย่างที่คิด
หลายอย่างถูกกว่าเมืองไทยมาก ช่วงเวลา 2
ชั่วโมงในการจับจ่ายซื้อของจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนใหญ่จะเป็นของฝากโดยเฉพาะสำหรับคุณครู เนื่องจากพวกเราทั้งหมดเป็นผู้บริหารสถานศึกษา
จึงอดคิดถึงคุณครูซึ่งเป็นผู้ร่วมงานคนสำคัญที่เมืองไทยไม่ได้ และในโอกาสวันครูนี้ จึงขอนำบทความของครูบาอาจารย์ชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งเกี่ยวกับเรื่อง "การเข้าคิวของคนญี่ปุ่น" เพื่อจะทำให้เราได้ทราบตัวตนของชาวญี่ปุ่นดียิ่งขึ้น
5. เหตุผลที่คนญี่ปุ่นเข้าแถว
ไม่แซงคิว
อาจารย์ฮารา ชินทาโร่ ซึ่งเป็นอาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้เขียนถึงเหตุผลที่ว่า ทำไมคนญี่ปุ่นเข้าแถว
ไม่แซงคิว โดยอาจารย์บอกว่าเขาเองก็ไม่ทราบว่า ทำไมคนญี่ปุ่นเข้าคิวทุกครั้ง และแทบจะไม่มีใครกล้าแซงคิว
ที่สำคัญมันยังเป็นหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับงานวิจัยด้วย
1)
เป็นวัฒนธรรมในสังคมญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นถูกสอนตั้งแต่สมัยอนุบาลศึกษา
ทั้งพ่อแม่ ทั้งครู และทั้งบรรดาผู้ใหญ่จะดุเด็กๆ ที่แซงคิวหรือไม่เข้าคิว
ตั้งแต่สมัยเด็ก ก็เข้าใจว่าการแซงคิวนั้นเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับดีหรือไม่ดี
แต่อยู่ที่ว่าทำได้หรือทำไม่ได้มากกว่า เนื่องจากว่าทุกครั้งที่พยายามจะแซงคิว
เด็กๆจะโดนผู้ใหญ่ดุ และไม่มีผู้ใหญ่ที่แซงคิว ทำให้เด็กรู้ว่า ฉันก็ทำไม่ได้
2)
คนที่แซงคิวถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่มีคุณค่า เพราะคนนั้นเป็นคนที่เห็นแก่ตัว
ไม่เกรงใจคนอื่น และทำให้คนอื่นรอนานเพราะความเห็นแก่ตัวของตนเอง ชาวญี่ปุ่นแทบทุกคนเน้นความตรงต่อเวลามาก
ดังนั้น การแซงคิวหมายความว่า คนที่แซงนั้นไม่ให้เกียรติต่อเวลาของคนอื่น เมื่อคนใดคนหนึ่งไม่เห็นคุณค่าในเวลาของคนอื่น
คนนั้นก็ถูกมองว่าคนที่ไร้คุณค่า
3)
แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นเผชิญกับสึนามิโศกนาฏกรรมน่าเศร้าเช่นนี้
ญี่ปุ่นก็ยังแสดง ภาพน่าประทับใจให้เห็นถึงสังคมที่มีรูปแบบอย่างดี สามารถรับมือกับวิกฤตอย่างนิ่งสงบและมีระเบียบ
4)
สิทธิและความเท่าเทียมกัน แม้ว่าคนที่อยู่ข้างหน้าของแถวนั้นเป็นคนใดก็ตาม
เราก็รู้สึกว่า เขามีสิทธิมากกว่าเรา แม้ว่าเราจะมีอำนาจสูกว่า มีเงินมากกว่า มีการศึกษาสูงกว่า
ตำแหน่งที่สูงกว่าก็ตาม ในแถวนั้น คนที่มีสิทธิมากที่สุดก็คือคนที่มาเร็วที่สุด
คนนั้นเป็นใคร ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เวลาคนญี่ปุ่นเค้าจะข้ามถนนยังต้องเข้าแถวเลย
5)
สังคมญี่ปุ่นเชื่อว่า
การเข้าคิวนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะถ้าไม่มีคิว คนที่ได้เปรียบที่สุดก็คือ
คนที่ไม่รู้จักคำว่าอาย เราก็ไม่อยากจะให้สังคมของเราเป็นสังคมที่คนที่ไม่รู้จักคำว่า
อาย ได้เปรียบ ทุกคนก็ยอมรับที่จะเข้าแถว แม้ว่าแถวนั้นจะยาวเป็นหลายกิโลก็ตาม
ในสังคมบางสังคม
ในขณะที่เราเข้าแถว ผู้ใหญ่มาถึงที่นั้น มักจะมีคนที่ต้อนรับท่านผู้ใหญ่และบอกว่า “เชิญทางนี้นะค่ะ/ครับ” หลังจากนั้นก็จะให้บริการแก่ท่านผู้ใหญ่คนนั้นก่อนคนที่เข้าแถวเป็นเวลานาน
ถ้าในประเทศญี่ปุ่น อาจจะมีคนที่ต้อนรับท่านผู้ใหญ่ (แม้ว่าหายาก) แต่คนที่ต้อนรับท่านผู้ใหญ่นั้นก็ต้องบอกว่า
“ขอบคุณครับท่าน ขอโทษนะครับ วันนี้คิวมันจะยาวหน่อยครับ"
ขอถือโอกาสนี้ส่งความสุขและความปรารถนาดีจากญี่ปุ่นมายังคุณครูทุกท่าน พวกเราทุกคนที่มาศึกษาและดูงานที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ต่างคิดถึงคุณครูที่โรงเรียนของตน บางท่านพูดถึงตั้งแต่เช้า และไม่ลืมที่จะหาของฝากกลับไปฝาก คืนนี้แต่ละคนคงวุ่นอยู่กับการจัดกระเป๋าให้ลงตัว เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น (17 มกราคม 2015)
ขอถือโอกาสนี้ส่งความสุขและความปรารถนาดีจากญี่ปุ่นมายังคุณครูทุกท่าน พวกเราทุกคนที่มาศึกษาและดูงานที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ต่างคิดถึงคุณครูที่โรงเรียนของตน บางท่านพูดถึงตั้งแต่เช้า และไม่ลืมที่จะหาของฝากกลับไปฝาก คืนนี้แต่ละคนคงวุ่นอยู่กับการจัดกระเป๋าให้ลงตัว เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น (17 มกราคม 2015)
Don Daniele ภาพ/รายงาน
Narita, JAPAN
16 มกราคม 2015
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น