วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เกลือและแสงสว่าง



เกลือและแสงสว่าง
สัปดาห์ที่ 5
เทศกาลธรรมดา
ปี A
อสย 58:7-10
1 คร 2:1-5
มธ 5:13-16
บทนำ
การก่อกำเนิดขึ้นของสถานีโทรทัศน์ EWTN (the Eternal Word Television Network) เกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวคนหนึ่ง ที่เชื่อมั่นว่าเธอสามารถเป็นเกลือดองแผ่นดินและแสงสว่างส่องโลกได้ เธอคือคุณแม่มารีย์ แองเจลิกา (Mother Mary Angelica) คณะฟรังซิสกัน ในปี ค.ศ. 1981 เธอได้เริ่มทำโทรทัศน์คาทอลิกออกอากาศวันละ 2-3 ชั่วโมง จากโรงรถของอารามนักบุญคลาราที่ยากจนแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา
โครงการนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ได้กลายเป็นโครงข่ายพระวาจาทรงชีวิตเชื่อมโยงทั่วโลก ออกอากาศ 24 ชั่วโมง ทั้งทางเคเบิ้ลและดาวเทียม คุณแม่แองเจลิกาเป็นตัวอย่างของคริสตชนแท้ที่ดำเนินชีวิตตามความเชื่อ ด้วยการเป็นเกลือในการรักษาคุณค่าแบบคริสตชนผ่านทางสื่อสารมวลชน เธอได้ตั้งตะเกียงของเธอเอาไว้บนเชิงตะเกียง เพื่อให้แสงสว่างของพระคริสตเจ้าฉายแสงสำหรับทุกคนในชุมชนโลก
“เกลือ” และ “แสงสว่าง” เป็นสิ่งที่มีความสำคัญในชีวิตประจำวันของมนุษย์ เราใช้เกลือในการถนอมอาหารไม่ให้เน่าเสีย ดังสำนวนที่ว่า “ฆ่าควายอย่าเสียดายเกลือ” เกลือจึงเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ถึงขนาดที่บางเผ่าในแอฟริกากำหนดให้ฝ่ายชายต้องจ่ายค่าสินสอดเป็นเกลือ มิฉะนั้นจะไม่ยอมยกลูกสาวให้ ขณะที่กองทัพโรมันใช้เกลือเป็นค่าจ้างจ่ายให้กับทหารในแต่ละเดือน อันเป็นที่มาของคำว่า “Salary” ในภาษาอังกฤษที่แปลว่า เงินเดือน
ส่วนแสงสว่างทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ และเป็นสิ่งที่ทำให้สิ่งมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ และมนุษย์ โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตจำพวกพืชซึ่งใช้แสงแดดในการสังเคราะห์แสง  เพื่อการเจริญเติบโต ชาวโรมันจึงมีสำนวนว่า “ไม่มีสิ่งไหนที่มีประโยชน์มากเท่ากับดวงอาทิตย์และเกลือ” (Nil utilius sole et sale) เพราะหากไม่มีดวงอาทิตย์ เราจะไม่เห็นแสงสี ความสวยงาม และการเปลี่ยนแปลงในชีวิต หากไม่มีเกลืออาหารจะเน่าเสียและขาดรสชาติไป

1.         เกลือและแสงสว่าง
พระเยซูเจ้าทรงใช้ภาพพจน์ของ “เกลือ” และ “แสงสว่าง” ซึ่งชาวยิวทั่วไปในสมัยของพระองค์คุ้นเคยและเข้าใจดีเพื่อสอนศิษย์ของพระองค์ พระวรสารตอนนี้เป็นตอนที่ต่อจากคำเทศนาบนภูเขาเรื่อง “บุญลาภ” ที่เราได้ฟังในสัปดาห์ที่ผ่านมา พระองค์ต้องการบอกผู้ที่เป็นศิษย์ของพระองค์ให้เจริญชีวิตแบบบุญลาภในแต่ละวัน คริสตชนมีพันธกิจในการนำคำสอนของพระเยซูเจ้าไปปฏิบัติ นั่นคือ การเป็นเกลือดองแผ่นดินและแสงสว่างส่องโลก

เมื่อพระเยซูเจ้าทรงใช้ภาพพจน์ของ “เกลือ” พระองค์ต้องการหมายถึงการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและเป็นแบบอย่างที่ควรแก่การยกย่อง ดังนั้นเมื่อพระองค์ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายเป็นเกลือดองแผ่นดิน” จึงเป็นการเน้นให้เห็นคุณค่าและประโยชน์ที่ศิษย์ของพระองค์พึงตระหนักอยู่เสมอ ดุจดังเกลือซึ่งมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง

ประการแรก ทำให้บริสุทธิ์ ชาวโรมันถือเกลือเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์มากกว่าสิ่งอื่นทั้งหลาย เนื่องจากเป็นผลผลิตที่ผ่านความร้อนของแสงแดดแผดเผาน้ำทะเล จนเหลือเพียงเกลือที่บริสุทธิ์ ดังนั้น ชาวโรมันจึงใช้เกลือเป็นเครื่องบูชาเทพเจ้า เมื่อพระเยซูเจ้าทรงใช้ภาพพจน์ของเกลือ พระองค์ทรงต้องการให้ผู้ติดตามพระองค์เป็นต้นแบบของความบริสุทธิ์ดุจเกลือ

ประการที่สอง ถนอมอาหาร ผู้คนตั้งแต่โบราณกาลใช้เกลือในการถนอมอาหารมิให้เน่าเสียและป้องกันมิให้เสื่อมสภาพ สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน ในอดีตที่ยังไม่มีตู้เย็น เกลือเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ดังนั้น ผู้ติดตามพระคริสตเจ้าจะต้องมีคุณสมบัติดุจเกลือ การเจริญชีวิตและการปรากฏตัวของพวกเขา จะต้องช่วยกระตุ้นคนอื่นให้มีใจร้อนรนในความรักของพระเจ้าเสมอ

ประการที่สาม เพิ่มรสชาติ อาหารที่ขาดเกลือเหมือนขาดรสชาติ เกลือจึงทำให้อาหารมีรสดียิ่งขึ้น ถ้าเกลือจืดเสียแล้วจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ดังนั้น ผู้เป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้าจึงถูกเรียกร้องให้เป็นเกลือดองแผ่นดิน ที่นำความมีชีวิตชีวา ความกระตือรือร้น และความบริสุทธิ์มาสู่ครอบครัว สังคม หรือหมู่คณะที่เราอยู่


ส่วนภาพพจน์เรื่อง “แสงสว่าง” พบบ่อยมากในพระคัมภีร์ ในพระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าได้อธิบายให้เห็นภาพของ “เมืองที่ตั้งบนภูเขา” ไม่สามารถปิดบังได้ และตรัสถึง “ตะเกียงที่ใช้จุดภายในบ้าน” เมื่อจุดแล้วย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียงเพื่อส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน มิใช่เอาถังครอบไว้ เมื่อพระองค์ตรัสว่า “ท่านเป็นแสงสว่างส่องโลก” เราจะต้องเป็นแหล่งพลังสำหรับคนอื่น และฉายแสงเพื่อให้คนอื่นได้เห็นกิจการดีในตัวเรา ดุจดังแสงอาทิตย์ที่มีหน้าที่หลายอย่าง

ประการแรก ส่องสว่าง ช่วยขจัดความมืดให้หมดสิ้นไปและทำให้เกิดความสว่าง พระเยซูเจ้าต้องการให้ผู้ติดตามพระองค์และคริสตชนมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำคนอื่นให้มาพบพระเจ้า เป็นเหมือนประภาคารที่ไม่จำเป็นต้องส่งเสียงให้ใครได้ยิน เพียงแต่ส่องสว่างให้ผู้เดินทางได้เห็น ชีวิตของคริสตชนต้องส่องสว่างให้คนอื่นได้เห็นกิจการดีที่เรากระทำ

ประการที่สอง นำทาง ช่วยให้คนอื่นได้มองเห็นทางและเดินตรงไปยังเป้าหมายอย่างปลอดภัย ข่าวดีแห่งพระวรสารและการเป็นคริสตชนจึงมิใช่การเก็บไว้กับตัวเองหรืออยู่โดยลำพัง แต่จะต้องประกาศบนดาดฟ้าหลังคาเรือน เพื่อแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า

ประการที่สาม เตือนภัย ช่วยเตือนให้ผู้เดินทางได้รู้ถึงอันตรายข้างหน้า คริสตชนจึงต้องเป็นเหมือนสัญญาณไฟที่เตือนให้ทราบถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น มีลักษณะของการเป็นผู้นำ ที่ร้อนรนไม่มีความกลัวใดๆ เพื่อเราจะได้เป็นต้นแบบและเตือนผู้อื่นให้เดินในหนทางที่ถูกต้อง

2.     บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องดำเนินชีวิตเป็นเกลือและแสงสว่าง พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เราเป็นทั้งเกลือและแสงสว่าง คุณสมบัติของเกลือคือความเค็ม ไม่มีวันที่เกลือจะสูญเสียความเค็ม นั่นหมายความว่า เราคริสตชนไม่สามารถหยุดทำกิจการดีได้ มิฉะนั้นเราไม่คู่ควรที่จะได้ชื่อว่าเป็นคริสตชน เช่นเดียวกับแสงสว่างที่มีหน้าที่ต้องส่องสว่าง นั่นคือ ฉายแสงให้คนอื่นได้เห็นแสงสว่างขององค์พระคริสตเจ้า เพื่อทุกคนจะสามารถมองเห็นความจริงและความถูกต้อง

ประการที่สอง เราต้องปฏิบัติตนดุจเกลือและแสงสว่าง ในการแบ่งปันพันธกิจของพระคริสตเจ้าในฐานะพระสงฆ์ ประกาศกและกษัตริย์

1) ในฐานะพระสงฆ์ ในการภาวนาและร่วมในความทุกข์ทรมานเพื่อเห็นแก่พระเจ้า โดยเฉพาะในพิธีบูชาขอบพระคุณทุกวันอาทิตย์

2) ในฐานะประกาศก ในการประกาศข่าวดีของพระเจ้าด้วยคำพูดและการกระทำ ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน

3) ในฐานะกษัตริย์ ในการรับใช้ซึ่งกันและกันอย่างมีชีวิตชีวา ดุจเดียวกับพระคริสตเจ้าที่เสด็จมาเพื่อรับใช้และมอบชีวิตเพื่อไถ่บาปมนุษย์ทุกคน

 ประการที่สาม เราต้องทำให้ชีวิตของเราเป็นเหมือนเกลือและแสงสว่าง เกลือเพียงเล็กน้อยทำให้อาหารมีรสชาติ แบบอย่างชีวิตคริสตชนที่ดีงามทำให้คนอื่นประทับใจและทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกัน แสงสว่างเพียงน้อยนิดช่วยขับไล่ความมืดออกไป ความเชื่อและความรักเพียงเล็กน้อย สามารถขับไล่ความเกลียดชังและความอิจฉาริษยาให้หมดสิ้นไปได้ การกระทำและกิจการที่ดีงามของเราจึงเป็นภาพสะท้อนของพระคริสตเจ้า

บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าตรัสกับเราอย่างชัดเจนว่า “ท่านเป็นเกลือและแสงสว่าง” เราต้องทำให้ความเชื่อของเราเกิดผลในภาคปฏิบัติคือ “ความรัก” และความรักนี้จะต้องกลายเป็นเกลือดองแผ่นดินและแสงสว่างส่องโลก ดังนั้น เราจะต้องดำเนินชีวิตเป็นพยานถึงองค์พระคริสตเจ้า ฉายแสงเพื่อนำความสว่างไปสู่ชีวิตของผู้อื่น ช่วยให้พวกเขามีชีวิตชีวา มีคุณค่าและความชื่นชมยินดี “แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์ เพื่อให้คนทั้งหลายได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์” (มธ 5:16)

ดังนั้น ชีวิตของเรา สิ่งที่เราทำ และวิธีการที่เราใช้ จะต้องเป็นเกลือและแสงสว่างที่มีความหมายสำหรับผู้อื่น กิจการที่เรากระทำจะต้องเป็นเครื่องหมายที่มองเห็นได้แห่งการประทับอยู่ของพระเจ้าในโลก คริสตชนจะต้องโดดเด่นต่อหน้าผู้อื่นผ่านทางการกระทำและชีวิตของเรา เป็นต้น ในความรักต่อกัน ในการให้อภัยซึ่งกันและกันด้วยใจกว้าง ในความเห็นอกเห็นใจกัน ในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปันสิ่งที่เรามีแก่ผู้อื่น เช่นนี้เอง ถึงจะได้ชื่อว่าเป็น “เกลือดองแผ่นดินและแสงสว่างส่องโลก”
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
7 กุมภาพันธ์ 2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น