การให้อภัยและการรักศัตรู
สัปดาห์ที่
7
เทศกาลธรรมดา
ปี A
|
ลนต 19:1-2,17-18
1 คร 3:16-23
มธ 5:38-48
|
บทนำ
ในการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของ อับราฮัม
ลินคอล์น
(Abraham
Lincoln) ต้องเผชิญกับคู่อริตัวฉกาจอย่าง เอ็ดวิน เอ็ม สแทนทัน
(Edwin M.
Stanton) ที่เกลียดลินคอล์นเข้ากระดูกดำ และกล่าวหาให้ร้ายเขาต่อสาธารณะอย่างเผ็ดร้อนในทุกเวทีการรณรงค์หาเสียง
แต่คนที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันและเป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกาคือ อับราฮัม ลินคอล์น
เมื่อถึงเวลาของการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ลินคอล์นได้ทำให้คณะที่ปรึกษาและผู้สนับสนุนต้องแปลกใจมาก
เพราะเขาได้เลือกสแทนทัน เป็นรัฐมนตรีกลาโหม
ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยเขายุติสงครามกลางเมืองและการเลิกทาส
หากลินคอล์นยังถือโทษโกรธเคืองสแทนทัน ทั้งคู่คงเป็นอริกันจนวันตาย
แต่พลังแห่งความรักและการให้อภัยของลินคอล์นได้แปรเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรและผู้ร่วมงานคนสำคัญ
ที่ทำให้เขากลายเป็นมหาบุรุษของยุคสมัย
คนไทยเวลานี้กำลังเผชิญกับบรรยากาศแห่งความเกลียดชัง อันเป็นที่มาของความขัดแย้งรุนแรงในสังคม
มีการต่อสู้ ทำร้ายและเข่นฆ่ากันแบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” เหมือนในสังคมอดีต
ทำให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ต่อหน้าสถานการณ์เช่นนี้
คริสตชนควรมีท่าทีเช่นไร ในพระวรสารพระเยซูเจ้าได้ปฏิรูปหลักคำสอนและวิธีปฏิบัติของยุคสมัย
ด้วยการนำเสนอกฎ “การให้อภัยและการรักศัตรู” ทั้งนี้เพราะพระองค์ตระหนักว่า
ความชั่วไม่สามารถชนะได้ด้วยความรุนแรงและการแก้แค้น แต่ด้วย “ความดี ความรัก
และการให้อภัย”
1. การให้อภัยและการรักศัตรู
ในพระวรสารวันนี้
พระเยซูเจ้าต้องการวางกรอบสำหรับผู้ที่อยากเป็นศิษย์ของพระองค์
เพื่อการดำเนินชีวิตในความรักที่ครบครัน
โดยเฉพาะในความรักต่อเพื่อนพี่น้อง ซึ่งสามารถเข้าใจได้ใน 2 ลักษณะคือ
การทำดีต่อทุกคนและต้อนรับทุกคนโดยไม่แบ่งแยก แต่ความรักที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ การรักศัตรูและภาวนาให้ผู้ที่ทำไม่ดีกับเรา
ซึ่งเห็นได้อย่างเด่นชัดในชีวิตของพระเยซูเจ้า ในแบบอย่างแห่งความรักของพระองค์บนไม้กางเขน
“การให้อภัยและการรักศัตรู” เป็นมาตรฐานของความรักแบบคริสตชน
เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความรักของพระเจ้า ที่ทรงรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก
ไม่มีเงื่อนไข และไร้ขีดจำกัด แต่ธรรมชาติและความอ่อนแอตามประสามนุษย์
ทำให้เรารักศัตรูได้ยาก เราจะเลือกรักเฉพาะผู้ที่รักเราและทำดีต่อเรา
พระเยซูเจ้าทรงเข้าใจและรู้ถึงความยากลำบากนี้
พระวาจาของพระองค์ในวันนี้จึงท้าทายเราให้ออกจากตัวเอง เพื่อมุ่งสู่ความดีบริบูรณ์
รูปแบบของ “ความดีบริบูรณ์”
ในชีวิตคริสตชนที่พระเยซูเจ้าตรัสถึงคือ พระบิดาเจ้าสวรรค์ ที่โปรดให้ดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว
และให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม (มธ 5:45) เราจะสามารถเลียนแบบพระบิดาได้โดยการเลียนแบบพระเยซูเจ้า
ในความนอบน้อมเชื่อฟังต่อพระบิดาจนถึงที่สุดคือ ความตายบนไม้กางเขนและทรงร้องขอพระบิดาให้อภัยผู้ที่ตรึงพระองค์
(ลก 23:34) ยิ่งเราเลียนแบบพระเยซูเจ้ามากเท่าใด
เราก็จะละม้ายคล้ายกับพระบิดาจ้ามากเท่านั้น
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก
เราต้องมีหัวใจแห่งการให้อภัย
พระเยซูเจ้าได้วางแนวทางสำหรับศิษย์ของพระองค์บนพื้นฐานของ “ความรักและการให้อภัย”
ในการปฏิบัติต่อผู้ที่ทำไม่ดีต่อเรา
ที่ทำให้เราต้องลำบากเดือดร้อนหรือไม่มีความสุข พระองค์บอกเราว่า
เราจะต้องยกโทษและให้อภัยด้วยใจกว้าง แม้จะเป็นเรื่องยากลำบากในการรักตอบ
แต่อย่างน้อยเราต้องไม่ถือโทษโกรธเคืองหรือผูกพยาบาท นี่คือสิ่งที่พระองค์ทรงท้าทายเราคริสตชน
ประการที่สอง
เราต้องรักและภาวนาให้ผู้ที่ทำไม่ดีต่อเรา สิ่งที่พระเยซูเจ้าตรัส
“จงรักศัตรูและจงภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน” ชัดเจนในตัวมันเอง
เพราะเวลาที่เราเกลียดชังและแค้นเคือง ผลสุดท้ายคือการทำลายตัวเราเองมากกว่าทำลายศัตรูของเรา
ทำให้เราวุ่นวายใจ อยู่ไม่เป็นสุข เป็นผลเสียต่อสุขภาพ ความเกลียดชังไม่ได้ทำอะไรศัตรูของเราเลย
ตรงข้ามมันได้เปลี่ยนวันชื่นคืนสุขของเราให้กลายเป็นนรก “กระสุนแห่งความเกลียดชังและแค้นเคืองจะทำลายศัตรูของเราได้
เมื่อมันทะลุผ่านร่างของเราแล้วเท่านั้น”
ประการที่สาม เราต้องพยายามที่จะเป็นคนดีบริบูรณ์เหมือนพระบิดาเจ้า
เราจะกลายเป็นคนดีบริบูรณ์เมื่อเราพยายามที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ในการให้อภัยด้วยใจกว้าง
และในกิจการดีทุกอย่างที่เรากระทำ เราต้องพยายามดำเนินชีวิตเยี่ยงพระบิดาเจ้าสวรรค์ที่ทรงรักทั้งคนดีและคนชั่ว
คนชอบธรรมและคนอธรรม ความรักจึงเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่ความครบครันเหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องเราให้รักเพื่อนมนุษย์โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ
ทั้งสิ้น ต้องรักแบบไร้ข้อจำกัดและไม่มีกรณียกเว้น มาตรฐานความรักแบบคริสตชนที่พระเยซูเจ้าทรงกำหนดและทำให้เห็นด้วยชีวิตของพระองค์คือ
การรักและการให้อภัยศัตรู ให้เราได้รักและให้อภัยผู้ที่ทำไม่ดีต่อเราด้วยใจกว้าง
ตอบแทนความชั่วด้วยความดี แม้เป็นสิ่งที่ทำได้อยาก แต่อย่างน้อยเราต้องภาวนาเพื่อเขา
เราคริสตชนจะต้องเป็นคนดีและปฏิบัติต่อกันเยี่ยงพระบิดาเจ้าสวรรค์ที่ทรงความดีบริบูรณ์
ทัศนคติและกิจการทุกอย่างที่เราทำต้องเลียนแบบพระเจ้าในความใจดี มีเมตตา และความรัก
เป็นการง่ายที่จะรักคนที่รักเรา แต่พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้เราทำมากกว่านั้น “จงรักศัตรูและจงภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน”
เราจะต้องเป็นผู้นำความรักและการให้อภัยเช่นเดียวกับ นักบุญฟรังซิส อัสซีซี
“ที่ใดมีความเกลียดชัง ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความรัก
ที่ใดมีความเจ็บแค้น
ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำการอภัย” เช่นนี้เอง สันติสุขก็จะบังเกิดขึ้นในใจเรา
ในครอบครัว ในหมู่คณะ และประเทศชาติของเรา
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
20 กุมภาพันธ์ 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น