ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
อาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม
ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
ปี
C
|
บสร 3:3-7,
14-17ก
คส 3:12-21
ลก 2:41-52
|
บทนำ
ในการเสด็จออกเพื่อพบปะประชาชนที่มาเข้าเฝ้าครั้งหนึ่ง
บุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปา เปาโลที่ 6 ได้เล่าว่า
เมื่อครั้งที่พระองค์ดำรงตำแหน่งเป็นพระอัครสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลมิลาน วันหนึ่งขณะไปเยี่ยมอภิบาลตามวัด
พระองค์ได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามลำพัง พระองค์ตรัสถามเธอว่า “สบายดีไหม”
เธอตอบว่า “สบายดี ตามอัตภาพ มีพอกินพอใช้และไม่ต้องทนทรมานเพราะความหนาว”
พระองค์ตรัสกับเธอว่า “ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่าเธอมีความสุขละสิ” หญิงชราตอบโดยไม่ลังเลว่า
“ไม่เลย” พร้อมกับเริ่มร้องไห้ “ลูกชายกับลูกสาวไม่เคยมาเยี่ยมเลย ฉันกำลังจะตายเพราะความโดดเดี่ยว”
เหตุการณ์ที่ได้พบวันนั้นและคำพูดของหญิงชราที่ว่า
“ฉันกำลังจะตายเพราะความโดดเดี่ยว” ได้รบกวนพระทัยของสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่
6 เรื่อยมา พระองค์ทรงตระหนักว่า “อาหารและความอบอุ่นยังไม่เป็นการเพียงพอ
คนเรายังต้องการอะไรที่มากกว่านั้น พวกเขาต้องการอยู่ต่อหน้า
ต้องการเวลาและต้องการความรักของเรา พวกเขาต้องการการสัมผัสที่อบอุ่นของเรา
เพื่อทำให้พวกเขาแน่ใจว่าจะไม่ถูกทอดทิ้ง”
ในสัปดาห์สุดท้ายของปีพระศาสนจักรให้เราฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
ที่ประกอบด้วยพระเยซูเจ้า พระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟ
ในวันนี้ให้เราได้มอบถวายครอบครัวของเราและสมาชิกทุกคนในครอบครัวและหมู่คณะ บนพระแท่นบูชาเพื่อขอพระพรจากครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
วันฉลองนี้เตือนใจเราถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรสากล
แต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์
เช่นเดียวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
พระคัมภีร์บอกให้เราทราบน้อยมากเกี่ยวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
มีพูดถึงเพียงระยะเริ่มแรกของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่เรื่องราวการบังเกิดของพระเยซูเจ้าที่เบธเลเฮม
การหนีไปประเทศอียิปต์
การหายไปของพระเยซูเจ้าขณะไปนมัสการที่พระวิหารกรุงเยรูซาเล็ม
บทอ่านและการฉลองในวันนี้พูดถึงครอบครัวในฐานะที่เป็นของประทานจากพระเจ้า
1.
ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
ครอบครัวเป็นหน่วยแรกและสำคัญที่สุด
เพราะเป็นแผนการของพระเจ้าตั้งแต่แรกสร้างโลก
ที่ไม่ทรงประสงค์ให้มนุษย์อยู่โดยลำพัง พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นครอบครัว
อีกทั้งตั้งใจให้บุตรของพระเจ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ในครอบครัว ในสภาพที่เหมือนเราทุกอย่างเว้นแต่บาป
พระเยซูเจ้าจึงได้เสด็จมาในโลกที่พระองค์ทรงสร้าง ทรงบังเกิดมาในครอบครัวที่มีแม่พระและนักบุญยอแซฟที่นาซาเร็ธ
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
เป็นการระลึกถึงชีวิตครอบครัวของพระเยซูเจ้าซึ่งดำเนินชีวิตในความรัก
เห็นอกเห็นใจและเคารพซึ่งกันและกัน เป็นแบบอย่างในการแบ่งปันความยินดี
ความรับผิดชอบและการร่วมทุกข์ร่วมสุขในครอบครัว พระศาสนจักรจึงยกย่องให้เป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
และเป็นแบบอย่างของครอบครัวทั้งหลาย นอกนั้น
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ยังเรียกเราให้มุ่งความสนใจไปที่ครอบครัวคริสตชนทุกครอบครัว
และวอนขอพระพรจากพระเจ้าสำหรับเราครอบครัวของเราแต่ละคน
พระวรสารไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากนัก
แต่เราเข้าใจว่านักบุญยอแซฟเป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้า
ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์โดยไม่มีเงื่อนไข เป็นบุคคลที่มีหัวใจเปิดสู่พระเจ้า
เชื่อฟังและพร้อมจะเผชิญความยากลำบากทุกอย่าง เพื่อปกป้องพระกุมารและแม่พระให้ได้รับความปลอดภัย
จึงได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ชอบธรรม” ที่มีความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัว ขณะที่แม่พระเป็นคู่ชีวิตที่รับผิดชอบดูแลครอบครัวและมีส่วนในความยากลำบากต่างๆ
ในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเงียบๆ
ในพระวรสารวันนี้
นักบุญลูกาได้เล่าเรื่องการหายไปของพระเยซูเจ้า ขณะเดินทางไปฉลองปัสกาที่กรุงเยรูซาเลมตอนพระชนมายุสิบสองพรรษา
สะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงของชีวิตครอบครัว ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในแบบที่คาดไม่ถึง
เช่น การพลัดพรากและการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
แม้เมื่อพบพระเยซูแล้วยังไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัส ที่สุด
พระเยซูเจ้าได้เสด็จกลับไปนาซาเร็ธกับบิดา-มารดา ทรงเจริญขึ้นทั้งพระปรีชาญาณ
พระชนมายุและพระหรรษทาน ทรงอยู่กับครอบครัวต่อไปอีกสิบแปดปี
อันแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเข้าใจถึงความสำคัญและความจำเป็นลำดับแรกของชีวิตครอบครัว
2.
บทเรียนสำหรับเรา
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์และพระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้
ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในปัจจุบันหลายประการ
ประการแรก เราต้องเลียนแบบครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการมองดูแบบอย่าง การส่งเสริมและให้กำลังใจกันของครอบครัวนี้
ซึ่งแม่พระและนักบุญยอแซฟต่างทำงานหนัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันในฐานะของประทานจากพระเจ้า อีกทั้ง ช่วยกันดูแลพระเยซูเจ้าให้เติบโตขึ้นในความเป็นมนุษย์และการเป็นบุตรของพระเจ้า
บิดา-มารดาต้องเป็นครูคนแรกที่สอนลูกให้มีความรู้และรู้จักพระเจ้า ประการสำคัญ ต้องมีความรับผิดชอบในการเป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุตรของตน
ประการที่สอง เราต้องทำให้ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ครอบครัวเป็นหน่วยเล็กที่เป็นพื้นฐานของพระศาสนจักรสากล
และแต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลศีลสมรส เพื่ออวยพรคู่บ่าว-สาวและครอบครัวของเขาให้ศักดิ์สิทธิ์
สามี-ภรรยาจะบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์เมื่อต่างทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์
วางใจในพระเจ้าและทำให้พลังของพระจิตปรากฏในชีวิต ผ่านทางการภาวนา
การอ่านพระคัมภีร์และการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ
ประการที่สาม เราต้องเคารพเชื่อฟังและเลี้ยงดูบิดา-มารดา พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปยังนาซาเร็ธพร้อมกับแม่พระและนักบุญยอแซฟและเคารพเชื่อฟังท่านทั้งสอง
ทรงทำงานช่างไม้ สานต่อกิจการของครอบครัวจากนักบุญยอแซฟเพื่อเลี้ยงครอบครัว คนซึ่งเป็นลูกจึงต้องเคารพเชื่อฟังและให้เกียรติบิดา-มารดา
หนังสือบุตรสิราบอกเราว่า “บุตรที่ให้เกียรติบิดาจะมีอายุยืน...
บุตรที่ละทิ้งบิดาก็เหมือนผู้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า”
เราจึงมีหน้าที่ต่อบิดา-มารดา ดูแลและเลี้ยงดูท่านยามชราภาพ มิใช่ปล่อยให้อยู่ตามลำพังและตายอย่างโดดเดียว
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ควรเป็นโอกาสให้เราได้พิจารณาไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของเรา
การอยู่ร่วมกันระหว่างพ่อ-แม่-ลูกเป็นไปตามรูปแบบของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเพียงใด
เราจะต้องมีความรักต่อกันตามแบบอย่างของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะคนที่เป็นสามี-ภรรยาจะต้องรักและซื่อสัตย์ต่อกันต่อกันจนวันตาย
ตามคำสัญญาที่เราได้ให้ไว้ในวันแต่งงาน
บิดา-มารดาต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
รับผิดชอบต่อครอบครัวและทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์เพื่อจะได้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์
“ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อแม่สามารถให้แก่ลูกได้คือความรักที่พวกเขามีต่อกัน”
(Anon) คนที่เป็นบุตรเช่นเดียวกัน ต้องเคารพเชื่อฟังบิดา-มารดา ไม่ทำให้ท่านเสียใจ กตัญญูและดูแลท่านยามแก่เฒ่า
ทั้งนี้เพื่อความผาสุกของสังคม ประเทศชาติและพระศาสนจักร ดังคำกล่าวที่ว่า “ครอบครัวดี
คนดี สังคมดี”
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว28 ธันวาคม 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น