วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์


ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์

อาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม
ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
ปี C
บสร 3:3-7, 14-17
คส 3:12-21
ลก 2:41-52

บทนำ

ในการเสด็จออกเพื่อพบปะประชาชนที่มาเข้าเฝ้าครั้งหนึ่ง บุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปา เปาโลที่ 6 ได้เล่าว่า เมื่อครั้งที่พระองค์ดำรงตำแหน่งเป็นพระอัครสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลมิลาน วันหนึ่งขณะไปเยี่ยมอภิบาลตามวัด พระองค์ได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามลำพัง พระองค์ตรัสถามเธอว่า “สบายดีไหม” เธอตอบว่า “สบายดี ตามอัตภาพ มีพอกินพอใช้และไม่ต้องทนทรมานเพราะความหนาว” พระองค์ตรัสกับเธอว่า “ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่าเธอมีความสุขละสิ” หญิงชราตอบโดยไม่ลังเลว่า “ไม่เลย” พร้อมกับเริ่มร้องไห้ “ลูกชายกับลูกสาวไม่เคยมาเยี่ยมเลย ฉันกำลังจะตายเพราะความโดดเดี่ยว”

เหตุการณ์ที่ได้พบวันนั้นและคำพูดของหญิงชราที่ว่า “ฉันกำลังจะตายเพราะความโดดเดี่ยว” ได้รบกวนพระทัยของสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 เรื่อยมา พระองค์ทรงตระหนักว่า “อาหารและความอบอุ่นยังไม่เป็นการเพียงพอ คนเรายังต้องการอะไรที่มากกว่านั้น พวกเขาต้องการอยู่ต่อหน้า ต้องการเวลาและต้องการความรักของเรา พวกเขาต้องการการสัมผัสที่อบอุ่นของเรา เพื่อทำให้พวกเขาแน่ใจว่าจะไม่ถูกทอดทิ้ง”

ในสัปดาห์สุดท้ายของปีพระศาสนจักรให้เราฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ที่ประกอบด้วยพระเยซูเจ้า พระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟ ในวันนี้ให้เราได้มอบถวายครอบครัวของเราและสมาชิกทุกคนในครอบครัวและหมู่คณะ บนพระแท่นบูชาเพื่อขอพระพรจากครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ วันฉลองนี้เตือนใจเราถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรสากล แต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า

พระคัมภีร์บอกให้เราทราบน้อยมากเกี่ยวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า มีพูดถึงเพียงระยะเริ่มแรกของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่เรื่องราวการบังเกิดของพระเยซูเจ้าที่เบธเลเฮม การหนีไปประเทศอียิปต์ การหายไปของพระเยซูเจ้าขณะไปนมัสการที่พระวิหารกรุงเยรูซาเล็ม บทอ่านและการฉลองในวันนี้พูดถึงครอบครัวในฐานะที่เป็นของประทานจากพระเจ้า

1.           ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์

ครอบครัวเป็นหน่วยแรกและสำคัญที่สุด เพราะเป็นแผนการของพระเจ้าตั้งแต่แรกสร้างโลก ที่ไม่ทรงประสงค์ให้มนุษย์อยู่โดยลำพัง พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นครอบครัว อีกทั้งตั้งใจให้บุตรของพระเจ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ในครอบครัว ในสภาพที่เหมือนเราทุกอย่างเว้นแต่บาป พระเยซูเจ้าจึงได้เสด็จมาในโลกที่พระองค์ทรงสร้าง ทรงบังเกิดมาในครอบครัวที่มีแม่พระและนักบุญยอแซฟที่นาซาเร็ธ

การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ เป็นการระลึกถึงชีวิตครอบครัวของพระเยซูเจ้าซึ่งดำเนินชีวิตในความรัก เห็นอกเห็นใจและเคารพซึ่งกันและกัน เป็นแบบอย่างในการแบ่งปันความยินดี ความรับผิดชอบและการร่วมทุกข์ร่วมสุขในครอบครัว พระศาสนจักรจึงยกย่องให้เป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ และเป็นแบบอย่างของครอบครัวทั้งหลาย นอกนั้น การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ยังเรียกเราให้มุ่งความสนใจไปที่ครอบครัวคริสตชนทุกครอบครัว และวอนขอพระพรจากพระเจ้าสำหรับเราครอบครัวของเราแต่ละคน

พระวรสารไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากนัก แต่เราเข้าใจว่านักบุญยอแซฟเป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์โดยไม่มีเงื่อนไข เป็นบุคคลที่มีหัวใจเปิดสู่พระเจ้า เชื่อฟังและพร้อมจะเผชิญความยากลำบากทุกอย่าง เพื่อปกป้องพระกุมารและแม่พระให้ได้รับความปลอดภัย จึงได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ชอบธรรม” ที่มีความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัว ขณะที่แม่พระเป็นคู่ชีวิตที่รับผิดชอบดูแลครอบครัวและมีส่วนในความยากลำบากต่างๆ ในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเงียบๆ

ในพระวรสารวันนี้ นักบุญลูกาได้เล่าเรื่องการหายไปของพระเยซูเจ้า ขณะเดินทางไปฉลองปัสกาที่กรุงเยรูซาเลมตอนพระชนมายุสิบสองพรรษา สะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงของชีวิตครอบครัว ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในแบบที่คาดไม่ถึง เช่น การพลัดพรากและการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ แม้เมื่อพบพระเยซูแล้วยังไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัส ที่สุด พระเยซูเจ้าได้เสด็จกลับไปนาซาเร็ธกับบิดา-มารดา ทรงเจริญขึ้นทั้งพระปรีชาญาณ พระชนมายุและพระหรรษทาน ทรงอยู่กับครอบครัวต่อไปอีกสิบแปดปี อันแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเข้าใจถึงความสำคัญและความจำเป็นลำดับแรกของชีวิตครอบครัว

2.           บทเรียนสำหรับเรา

การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์และพระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในปัจจุบันหลายประการ

ประการแรก เราต้องเลียนแบบครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการมองดูแบบอย่าง การส่งเสริมและให้กำลังใจกันของครอบครัวนี้ ซึ่งแม่พระและนักบุญยอแซฟต่างทำงานหนัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันในฐานะของประทานจากพระเจ้า อีกทั้ง ช่วยกันดูแลพระเยซูเจ้าให้เติบโตขึ้นในความเป็นมนุษย์และการเป็นบุตรของพระเจ้า บิดา-มารดาต้องเป็นครูคนแรกที่สอนลูกให้มีความรู้และรู้จักพระเจ้า ประการสำคัญ ต้องมีความรับผิดชอบในการเป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุตรของตน

ประการที่สอง เราต้องทำให้ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ครอบครัวเป็นหน่วยเล็กที่เป็นพื้นฐานของพระศาสนจักรสากล และแต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลศีลสมรส เพื่ออวยพรคู่บ่าว-สาวและครอบครัวของเขาให้ศักดิ์สิทธิ์ สามี-ภรรยาจะบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์เมื่อต่างทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ วางใจในพระเจ้าและทำให้พลังของพระจิตปรากฏในชีวิต ผ่านทางการภาวนา การอ่านพระคัมภีร์และการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ

ประการที่สาม เราต้องเคารพเชื่อฟังและเลี้ยงดูบิดา-มารดา พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปยังนาซาเร็ธพร้อมกับแม่พระและนักบุญยอแซฟและเคารพเชื่อฟังท่านทั้งสอง ทรงทำงานช่างไม้ สานต่อกิจการของครอบครัวจากนักบุญยอแซฟเพื่อเลี้ยงครอบครัว คนซึ่งเป็นลูกจึงต้องเคารพเชื่อฟังและให้เกียรติบิดา-มารดา หนังสือบุตรสิราบอกเราว่า “บุตรที่ให้เกียรติบิดาจะมีอายุยืน... บุตรที่ละทิ้งบิดาก็เหมือนผู้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า” เราจึงมีหน้าที่ต่อบิดา-มารดา ดูแลและเลี้ยงดูท่านยามชราภาพ มิใช่ปล่อยให้อยู่ตามลำพังและตายอย่างโดดเดียว

บทสรุป

พี่น้องที่รัก การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ควรเป็นโอกาสให้เราได้พิจารณาไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของเรา การอยู่ร่วมกันระหว่างพ่อ-แม่-ลูกเป็นไปตามรูปแบบของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเพียงใด เราจะต้องมีความรักต่อกันตามแบบอย่างของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์  โดยเฉพาะคนที่เป็นสามี-ภรรยาจะต้องรักและซื่อสัตย์ต่อกันต่อกันจนวันตาย ตามคำสัญญาที่เราได้ให้ไว้ในวันแต่งงาน

บิดา-มารดาต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รับผิดชอบต่อครอบครัวและทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์เพื่อจะได้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ “ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อแม่สามารถให้แก่ลูกได้คือความรักที่พวกเขามีต่อกัน” (Anon) คนที่เป็นบุตรเช่นเดียวกัน ต้องเคารพเชื่อฟังบิดา-มารดา ไม่ทำให้ท่านเสียใจ กตัญญูและดูแลท่านยามแก่เฒ่า ทั้งนี้เพื่อความผาสุกของสังคม ประเทศชาติและพระศาสนจักร ดังคำกล่าวที่ว่า “ครอบครัวดี คนดี สังคมดี”
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
28 ธันวาคม 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น