ทานของหญิงม่าย
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา
ปี B
|
1 พกษ 17: 10-16
ฮบ 9: 24-28
มก
12: 38-44
|
ครั้งหนึ่งมีขอทานคนหนึ่งมาพบ (บุญราศี) คุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตา และพูดกับคุณแม่ว่า
“ทุกคนต่างให้บางสิ่งบางอย่างกับคุณแม่ ผมต้องการให้บางอย่างกับคุณแม่เช่นเดียวกัน”
เขาได้นำเงิน 10
ไปซา มามอบให้ (1 ไปซา=100 รูปี) คุณแม่เทเรซาคิดในใจว่า “หากฉันรับเงินจำนวนดังกล่าว
เขาคงกลับไปด้วยความหิว แต่หากฉันไม่รับ เขาคงผิดหวังมาก”
ดังนั้นคุณแม่จึงรับเงินจำนวนดังกล่าว
คุณแม่เทเรซาได้กล่าวภายหลังว่า
“ฉันมีความรู้สึกว่า ของขวัญนี้ยิ่งใหญ่กว่ารางวัลโนเบลที่ฉันเคยได้รับ
เพราะว่าเขาได้ให้ทั้งหมดที่เขามี ฉันเห็นถึงแววตาแห่งความยินดีและความสุขใจในการให้ของเขา”
(คุณแม่เทเรซาเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ปี ค.ศ. 1979) เรื่องราวของขอทานที่คุณแม่เทเรซาเล่า
สอดคล้องกับเรื่องราวของหญิงม่ายในบทอ่านแรกและบทพระวรสารวันนี้ ที่ได้ให้ทั้งหมดที่มีและจำเป็นสำหรับการเลี้ยงชีวิต
บทอ่านวันนี้เชื้อเชิญเราให้อุทิศตนรับใช้พระเจ้าด้วยความสุภาพและใจกว้าง
โดยปราศจากอคติและความหยิ่งจองหอง บทอ่านแรกและบทพระวรสารวันนี้ได้นำเสนอเรื่องราวของหญิงม่ายยากจน
ซึ่งได้ให้สิ่งที่มีทั้งหมดและจำเป็นสำหรับการมีชีวิตอยู่ของพวกเธอแด่พระเจ้า
บทอ่านที่สองบอกเราว่าพระเยซูเจ้าในฐานะสงฆ์ผู้สูงสุดแห่งพันธสัญญาใหม่
ได้มอบชีวิตทั้งหมดแก่พระบิดาเจ้าโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อเป็นยัญบูชาสำหรับไถ่บาปเรา
1.
ทานของหญิงม่าย
ธรรมาจารย์ เป็นผู้ตีความบทบัญญัติและอธิบายพระวาจาของพระเจ้าให้ประชาชนได้เข้าใจ
ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ที่พระเยซูเจ้าตำหนิพวกธรรมมาจารย์อย่างรุนแรง มาจากพฤติกรรมของพวกเขาที่ทำทุกอย่างเพื่อเกียรติของตนเอง
อาทิ การสวมเสื้อยาวเพื่อเป็นจุดสนใจให้คนคำนับ การนั่งแถวหน้าในศาลาธรรมและงานเลี้ยงเพื่อแสดงฐานะทางสังคม
หรือการภาวนายืดยาวตามลานสาธารณะเพื่อให้ชม มิใช่เพื่อแสวงหาพระประสงค์และสรรเสริญพระเจ้า
อีกทั้ง ยังเอารัดเอาเปรียบหญิงม่ายซึ่งเป็นบุคคลที่อ่อนแอและน่าสงสารในสังคม พระเยซูเจ้าทรงเตือนประชาชนมิใหปฏิบัติตนเช่นเดียวกบพวกธรรมาจารย์
พระเยซูเจ้าทรงยกย่องทานของหญิงม่าย มิใช่เพราะจำนวนเงินสองเหรียญทองแดงที่เธอหย่อนลงในตู้ทาน
แต่เพราะความใจกว้างของเธอที่ให้ทั้งหมดที่เธอมีอยู่และจำเป็นสำหรับการเลี้ยงชีวิตเพื่อเห็นแก่พระเจ้า
โดยไม่เก็บสิ่งใดไว้สำหรับตนเองเลย ขณะที่คนร่ำรวยและคนอื่นๆ แม้จะให้ทานด้วยเงินจำนวนมาก
แต่เป็นส่วนที่เหลือกินเหลือใช้ พวกเขายังมีอีกอย่างเหลือเฟือ
เราได้เห็นถึงความวางใจของหญิงม่ายที่ได้ให้ทั้งหมดที่เธอมีแด่พระเจ้า
เพราะเธอรู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นแหล่งที่มาของสิ่งดีทุกอย่าง เธอเข้าใจว่าไม่ใช่เงินทองที่จะช่วยเธอให้รอดได้
แต่เป็นองค์พระเจ้าเท่านั้น สิ่งที่เธอครอบครองคือพระเจ้าและสมบัติแห่งเมืองสวรรค์
มิใช่สมบัติในโลกนี้ เธอจึงมอบตัวเองไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ
พระเยซูเจ้าจึงทำให้ทุกคนประหลาดใจด้วยการตรัสกับทุกคนว่า “หญิงม่ายยากจนคนนี้ทำทานมากกว่าทุกคน” พระองค์ได้แสดงให้ทุกคนได้เข้าใจว่าพระเจ้าไม่ได้มองดูที่ปริมาณหรือความยิ่งใหญ่ของงานที่เราได้กระทำ
แต่มองดูที่จิตใจและความตั้งใจจริงของเราที่กระทำ หญิงม่ายยากจนจึงได้กระทำสิ่งยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้า
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวรสารวันนี้
ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในการดำเนินชีวิตหลายประการ
ประการแรก เราต้องใจกว้างกับพระเจ้า มอบความไว้วางใจทุกอย่างไม้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า
เช่นเดียวกับหญิงม่ายในพระวรสารที่ได้ให้ทั้งหมดที่มีแด่พระเจ้า
และพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งคนที่ใจกว้างและวางใจในพระองค์ “จงให้แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน
ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา
พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย” (ลก 6:38)
ประการที่สอง เราต้องไม่ตัดสินใครจากสิ่งภายนอก เรามักจะตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่เขามี ฐานะทางสังคมหรือสิ่งภายนอกที่เขาทำ
แต่พระเจ้าทรงมองดูที่จิตใจและเจตนาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการกระทำสิ่งต่างๆ
สิ่งเล็กน้อยที่เราทำในสายตาของใครต่อใคร อาจะเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้า
หากเรากระทำด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ โดยปราศจากความเห็นแก่ตัว
ประการที่สาม เราต้องใส่ใจต่อหญิงม่ายและคนต่ำต้อยในสังคม เราต้องพร้อมที่ยื่นมือช่วยเหลือผู้กำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ เป็นต้น
หญิงม่าย เด็กกำพร้าและคนยากจนในสังคม เพราะนี่คือพระเยซูเจ้าที่ประทับท่ามกลางเรา
ที่เราจะต้องให้การต้อนรับ สนับสนุนช่วยเหลือ ให้กำลังใจและภาวนาเพื่อพวกเขา
เป็นต้นในสังคมและหมู่คณะของเรา
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงยกย่องทานของหญิงม่ายยากจน
เพราะความใจกว้างและความวางใจอย่างเต็มเปี่ยมของเธอที่มีต่อพระเจ้า พระองค์ได้แสดงให้ทุกคนได้เข้าใจว่าพระเจ้าไม่ได้มองดูที่ปริมาณหรือความยิ่งใหญ่ของงานที่เราได้กระทำ
แต่มองดูที่จิตใจและความตั้งใจจริงของเราในการกระทำสิ่งต่างๆ “เราอาจทำสิ่งใหญ่โตไม่ได้
แต่เราสามารถทำสิ่งเล็กน้อยด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่” (บุญราศีคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา)
เราจะต้องมีความใจกว้างและวางใจในพระเจ้าเช่นเดียวกัน “ทุกสิ่งที่เรากระทำขอให้ทำด้วยความรักและเพื่อความรัก”
(นักบุญฟรังซิส เดอ ซาล) ความเชื่อและความรักทำให้กิจการทุกอย่างมีคุณค่าอย่างแท้จริง
เราต้องพร้อมที่จะยื่นมือช่วยเหลือ ให้กำลังใจและภาวนาเพื่อคนต่ำต้อยในสังคม เป็นต้นกับหญิงม่าย
เด็กกำพร้าและคนยากจน
เพื่อกิจการที่เรากระทำจะได้ยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้าและเป็นการสะสมสมบัติแห่งเมืองสวรรค์
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว9 พฤศจิกายน 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น