วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนา


จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนา

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 1
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
ปี C
ยรม 33:14-16
1 ธส 3:12-4:2
ลก 21:25-28, 34-36

บทนำ

 นานมาแล้ว คนขับรถประจำทางในรัฐโอกลาโฮมาได้สร้างสถิติที่ใครได้ยินแล้วต้องทึ่ง กล่าวคือตลอดเวลา 23 ปีของการขับรถประจำทางมากกว่า 9 แสนไมล์ เขาไม่เคยประสบอุบัติเหตุเลยแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อนักข่าวถามว่าทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาตอบอย่างซื่อๆ ว่า “ก็มองถนนสิ” นั่นคือต้องมีสมาธิและสายตาจดจ่ออยู่ที่ถนนที่ตนเองกำลังขับรถอยู่ มีสติและไม่ประมาท นักเรียนที่ดีต้องเตรียมพร้อม สนใจและตั้งใจฟังเวลาครูสอน และคริสตชนที่ดีควรตื่นตัวในการปฏิบัติศาสนกิจ มาวัดร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ การภาวนาและการขับร้องอย่างตั้งใจ

วันนี้เราเริ่มต้นปีพิธีกรรม (ปี C) ด้วยเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรเชิญชวนเราให้เตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับองค์พระเจ้า ชาวโรมันมีเทพเจ้าองค์หนึ่งชื่อ “จานุส” ซึ่งมีสองหน้า หน้าหนึ่งสำหรับมองไปข้างหลังและอีกหน้าหนึ่งสำหรับมองไปข้างหน้า ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ คริสตชนแต่ละคนควรมองย้อนไปยังอดีตถึงการเสด็จมาครั้งแรกของพระเยซูเจ้าในโลก และมองไปยังอนาคตด้วยความหวังถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์

เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า (Advent) หมายถึง “การเสด็จมา” เป็นการรอคอยการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า บุคคลที่เรารักด้วยความชื่นชมยินดี เรามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต้อนรับพระองค์ ซึ่งเสด็จมาในโลก 3 ลักษณะด้วยกัน: 1) เรามองไปยังอดีตเพื่อเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระองค์ในโลกเมื่อสองพันปีก่อน, 2) เรามองไปที่ปัจจุบันเพื่อเตรียมต้อนรับพระองค์เข้ามาในชีวิตของเรา ผ่านทางพระวาจาที่เราได้ยินและศีลมหาสนิทที่เรากำลังจะรับ และที่สุด 3) เรามองไปยังอนาคตเพื่อรอคอยการเสด็จมาในวาระสุดท้ายอย่างรุ่งโรจน์เพื่อพิพากษาโลก

1.           จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนา

ในพระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าได้ให้คำแนะเราหลายวิธีด้วยกัน “จงยืนตัวตรง เงยหน้าขึ้น” (ลก 21:28), “จงระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยใจของท่านให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและความกังวลถึงชีวิตนี้” (ลก 21:34), “จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลาเถิด” (ลก 21:36) ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ดีในการดำเนินชีวิตคริสตชน ไม่เพียงในช่วงเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯนี้เท่านั้น แต่ถือเป็นแนวปฏิบัติที่ดีเยี่ยมในการดำเนินชีวิตประจำวัน สำหรับเราคริสตชนทุกยุคทุกสมัย

การตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ เป็นท่าทีที่ถูกต้องสำหรับเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ เพื่อเราจะได้มีความเข้มแข็งในการถอยห่างจากสิ่งไม่ดีต่างๆ “ความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามาย และความกังวลถึงชีวิตนี้” พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ให้เราเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวาระสุดท้าย นั่นคือเข้าใจถึงพระวาจาและสิ่งที่พระจิตเจ้ากำลังทำอยู่ ประการสำคัญ พระองค์ทรงประสงค์ให้เราได้นำความหวัง ความวางใจและความรักของพระคริสตเจ้าไปสู่ผู้อื่น และพระวาจาของพระองค์ “จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนา” ใช้ได้เสมอแม้ในปัจจุบัน

จะเห็นได้ว่า พระเยซูเจ้าไม่ได้บอกเราถึงวันเวลาของการสิ้นโลกและการพิพากษาที่เราจะต้องหวาดกลัว แต่พระองค์ทรงต้องการให้เรามีความมั่นใจและเข้าใจว่า พระเจ้าทรงรักษาพระสัญญาและเวลาแห่งการปกครองของพระองค์อยู่ใกล้แล้ว พระองค์ได้บอกเราถึงเครื่องหมายแห่งการมาถึงของพระอาณาจักร เพื่อเราจะได้เตรียมตัวเองให้พร้อม จงมองดูรอบๆ จงเพ่งมองที่ถนน จงยืดตัวตรงและเงยหน้าขึ้น ก้าวเดินไปบนหนทางแห่งการภาวนาและความหวัง ความชอบธรรมและความรัก เพื่อเราจะได้ตระหนักว่าพระสัญญาของพระเจ้าสมบูรณ์แล้วในวันที่พระคริสตเจ้าบังเกิด และจะบรรลุความบริบูรณ์ในวาระสุดท้าย

2.           บทเรียนสำหรับเรา

ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติ

ประการแรก จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ การตื่นเฝ้าแสดงให้เห็นถึงลักษณะของผู้ที่เป็นศิษย์ ซึ่งมุ่งหวังและรอคอยพระคริสตเจ้าเสด็จกลับมา การตื่นเฝ้าไม่ใช่การอยู่เฉยๆ แต่ต้องอธิษฐานภาวนา เพื่อช่วยเราให้มีความเข้มแข็งในการเอาชนะความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ “จงตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาเพื่อจะไม่เข้าสู่การทดลอง” (มก 14:38) การภาวนาแท้จริงแล้วหมายถึง การทำหน้าที่ของเราตามบทบาทและฐานะของเราในแต่ละวันให้ดีที่สุด

 ประการที่สอง เราต้องเตรียมพร้อมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ให้พระองค์องค์บังเกิดในชีวิตประจำวันของเรา ด้วยการกลับใจใช้โทษบาป ฟื้นฟูชีวิตของเราผ่านทางการภาวนา การรับศีลอภัยบาปและการแบ่งปันพระพรของพระเจ้ากับผู้อื่น จะมีประโยชน์อะไร ถ้าพระเยซูเจ้าบังเกิดในถ้ำนับพันแห่งทั่วโลก แต่มิได้บังเกิดในใจฉัน” (อเล็กซานเดอร์ โป๊ป) พระเยซูเจ้าจะต้องบังเกิดในใจเราและชีวิตของเราตลอดเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯนี้ ในความรัก ความใจกว้าง ความเมตตากรุณาและการให้อภัยของเรา ที่พึงมีต่อผู้ที่กำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ

ประการที่สาม เราต้องวางใจในพระเยซูเจ้า ท่ามกลางความทุกข์โศกเศร้าที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา อาทิ การหย่าร้าง การตกงาน การเจ็บป่วย หรือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นความทุกข์หนักเกินกำลังและทำให้ชีวิตของเราไม่มีความหมาย พระเยซูเจ้าตรัสกับเราในวันนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงยืนตรง เงยศีรษะขึ้น เพราะในไม่ช้าท่านจะได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว” (ลก 21:28)

บทสรุป

พี่น้องที่รัก เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ไม่เพียงเป็นช่วงเวลาที่เราระลึกถึงการเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูเจ้า หรือการเสด็จมาครั้งสุดท้ายในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ แต่เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้เปิดใจต้อนรับพระองค์เข้ามาในชีวิตของเราและในโลก ในความรัก ความใจกว้าง ความเมตตากรุณาและการให้อภัยของเรา ที่พึงมีต่อกันในสังคม หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา

พระวรสารวันนี้เตือนใจเราว่า เราต้องตื่นเฝ้าภาวนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อเราจะได้มีความเข้มแข็งในการต่อสู้และเอาชนะความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ ในชีวิตเรา อีกทั้งตื่นเฝ้าเพื่อต้อนรับและจดจำพระเยซูเจ้าที่เสด็จมาหาเราในบุคคล สถานที่และเหตุการณ์ต่างๆ ในแบบที่เราคาดไม่ถึง เราจึงต้องดำเนินชีวิตคริสตชนของเราในเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯนี้ด้วยความเชื่อ ก้าวเดินไปด้วยความหวังและรื้อฟื้นชีวิตของเราในแต่ละวันด้วยความรัก เพื่อเราจะได้ต้อนรับและจำพระองค์ได้
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
30 พฤศจิกายน 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น