บัญญัติแห่งความรัก
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา
ปี B
|
ฉธบ 6:2-6
ฮบ 7:23-28
มก 12:28-34
|
บทนำ
ครั้งหนึ่ง (บุญราศี)
คุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตต้าได้ไปเยี่ยมชายแก่คนหนึ่ง ซึ่งมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวในห้องพักโกโลโกโสที่เมืองเมลเบิร์น
คุณแม่เทเรซาต้องการที่จะทำความสะอาดห้องให้ใหม่ แต่ชายชราบอกคุณแม่ว่าทุกอย่างก็เรียบร้อยดีอยู่แล้ว
ในห้องนั้นมีตะเกียงที่สวยงามใบหนึ่งซึ่งฝุ่นจับเกรอะกรัง คุณแม่เทเรซาจึงถามชายนั้นว่า
“ทำไมลุงไม่จุดตะเกียงละ” เขาบอกกับคุณแม่เทเรซาว่า “เพื่อใครละ ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมผมเลย”
คุณแม่เทเรซาเสนอความเห็น “หากฉันส่งซิสเตอร์มาเยี่ยม ลุงจะจุดตะเกียงไหม” “แน่นอนหากผมได้ยินเสียงคนมา
ผมจะจุดมัน” ชายชรารับปาก
สองสามวันผ่านไปชายชราคนนั้นได้ฝากคำพูดมาถึงคุณแม่เทเรซาว่า
“แสงสว่างที่คุณแม่ได้จุดในชีวิตของผมยังคงลุกโชนอยู่” งานที่ยิ่งใหญ่ของคุณแม่เทเรซาและของสมาชิกในคณะที่กำลังทำอยู่กับคนทุกข์ยากเดือดร้อน
เป็นงานที่ทำเพื่อเห็นแก่พระเยซูเจ้า ความเชื่อและความรักต่อพระเจ้าแสดงออกในงานรับใช้ของพวกเขา
คุณแม่เทเรซาบอกสมาชิกเสมอว่า “กระแสเรียกของเราคือการอุทิศตนเพื่อพระเยซูเจ้า
มิใช่อยู่ที่งานซึ่งเรากำลังทำกับคนยากจน งานสำหรับคนยากจนคือความรักที่เรามีต่อพระเจ้าในกิจการ”
หัวเรื่องสำคัญของบทอ่านวันนี้ คือหลักการพื้นฐานของทุกศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งคริสต์ศาสนา
นั่นคือต้องรักพระเจ้าในผู้อื่นและรักผู้อื่นเหมือนรักพระเจ้า คำภาวนา ศีลศักดิ์สิทธิ์
การถวายบูชาและหลักปฏิบัติอื่นๆ ในศาสนานาเป็นเพียงเครื่องช่วยเราให้เติบโตยิ่งขึ้นในสัมพันธภาพแห่งความรักนี้
บทอ่านแรกเตือนเราให้รักพระเจ้าด้วยการปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์
บทอ่านที่สองบอกเราว่า พระเยซูเจ้า สงฆ์ผู้สูงสุดได้มอบถวายพระองค์เองบนไม้กางเขนเพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา
และพระวรสารสอนเราว่า เราต้องตอบสนองความรักของพระเจ้าด้วยการรักผู้อื่น
1.
บัญญัติแห่งความรัก
พระเยซูเจ้าไม่เพียงตอบปัญหาของบัณฑิตกฎหมาย
แต่ยังทรงทำให้ปัญหาที่ค้างคาใจชาวยิวได้รับความกระจ่าง “ท่านจงรักองค์พระเป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน...
ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” (มก 12:30-31) นี่คือบทสรุปของพระวรสารหรือหลักคำสอนที่สำคัญของพระเยซูเจ้า
พระองค์ทรงสรุปบทบัญญัติของพระเจ้าให้เหลือเพียงสองประการ
และทรงยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าบทบัญญัติสองข้อนี้
พระเยซูเจ้าทรงวางบทบัญญัติทั้งสองประการเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก
ในความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยทรงขยายความหมายของคำว่า
“เพื่อนมนุษย์”
ให้กว้างออกไปสู่มนุษย์ทุกคน “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง
ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40) ชีวิตมนุษย์ในโลกจึงเป็นของประทานจากพระเจ้า
เพื่อให้เราสามารถเติบโตในความรักของพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของบทบัญญัติและต้องไปด้วยกันเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน
ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
นักบุญยอห์นอัครสาวก เป็นผู้ที่เข้าใจและอธิบายความสัมพันธ์ของบทบัญญัติทั้งสองประการได้ดีที่สุด
ท่านได้ยืนยันกับศิษย์ของท่านจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตว่า “จงรักกันและกัน” เพราะการรักเพื่อนมนุษย์คือหนทางที่นำไปสู่ความรักต่อพระเจ้า
“หากผู้ใดกล่าวว่า ข้าพเจ้ารักพระเจ้า
แต่จงเกลียดจงชังพี่น้องของตน ผู้นั้นเป็นคนโกหก
เพราะผู้ที่ไม่รักพี่น้องผู้ที่เขามองเห็นได้ก็จะไม่สามารถรักพระเจ้าผู้ที่เขามองไม่เห็น”
(1 ยน 4:20)
2.
บทเรียนสำหรับเรา
คำตอบของพระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้
ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในการดำเนินชีวิตหลายประการ
ประการแรก เราต้องรักพระเจ้า เราสามารถแสดงออกถึงความรักต่อพระเจ้า
กตัญญูต่อพระพรต่างๆ ที่เราได้รับและยอมรับความจริงว่าเราขึ้นอยู่กับพระองค์ไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพัง
ดังนั้น เราจึงต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์และภาวนาถึงพระองค์อยู่เสมอ อ่านและรำพึงพระวาจาของพระเจ้าทุกวัน
ไปร่วมพิธีมิสซาเป็นประจำ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราจะต้องรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด
พระองค์จะต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเราแต่ผู้เดียว
ความรักในพระเจ้าเท่านั้นที่ทำให้ชีวิตคริสตชนของเรามีความหมาย
และสามารถรักผู้อื่นได้
ประการที่สอง เราต้องรักเพื่อนพี่น้อง ความรักต่อเพื่อนมนุษย์คือหน้าที่สำคัญต่อพระเจ้า
ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อผู้อื่นตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวที่ออกจากตัวเองและแบ่งปันกับทุกคน มิใช่แต่เพราะพวกพ้อง พี่น้อง เพื่อนฝูงหรือบุคคลที่เรารักเท่านั้น
แต่กับทุกคนแม้กระทั่งศัตรู นั่นหมายความว่า เราต้องช่วยเหลือสนับสนุน ให้กำลังใจ
ให้อภัยและภาวนาเพื่อทุกคนโดยไม่แบ่งแยกสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ อายุหรือสถานะทางสังคม
ประการที่สาม เราต้องรักแบบเดียวกับพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นความรักที่ไม่แบ่งแยก ไม่มีเงื่อนไขและยอมตายเพื่อทุกคน ความรักจึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคริสตชน
และเป็นเครื่องหมายที่บอกคนอื่นให้รู้ว่าเราเป็นศิษย์ของพระองค์ ดังนั้น ความรักจะต้องเป็นมาตรฐานและเครื่องชี้วัดกิจการทุกอย่างที่เรากระทำ
ดังคำกล่าวของนักบุญเอากุสตินที่ว่า “จงรักและกระทำสิ่งที่ความรักบอกให้ทำ”
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับเราในวันนี้ว่า การรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์คือแก่นแท้ของชีวิตคริสตชน
ซึ่งไม่เพียงตอบคำถามของธรรมาจารย์เท่านั้น
แต่ยังได้ให้หลักปฏิบัติสำหรับเราทุกยุคทุกสมัย การรักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์จะต้องเป็นแรงจูงใจและนำทางคริสตชนในคำพูดและการกระทำทุกอย่างของเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการให้อภัย การให้กำลังใจ การร่วมทุกข์ร่วมสุข และการแบ่งปันช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน
พระเยซูเจ้าทรงทำให้ความหมายของความรักนี้ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
ด้วยแบบอย่างแห่งความรักของพระองค์บนไม้กางเขน “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่
กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยน 15:13) เราถูกเรียกร้องให้รักตามมาตรฐานของพระเยซูเจ้า
เพื่อเราจะได้ใกล้ชิดและเข้าอยู่ในอาณาจักรของพระองค์ ดังนั้น ในแต่ละวันขอให้เราได้เดินในหนทางแห่งความรักของพระเจ้า
ด้วยการมองเห็นพระเจ้าในผู้อื่นและปฏิบัติกิจเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ
เพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระองค์
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
3 พฤศจิกายน 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น