“ท่านละคิดว่าเราเป็นใคร”
วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา ปี A | อสย 22:19-23 รม 11:33-36 มธ 16:13-20 |
บทนำ
วิลเลียม ฮอลแมน ฮันท์ (William Holman Hunt:1827-1910) จิตรกรที่มีชื่อเสียงชาวอังกฤษ ผู้วาดภาพ “พระคริสตเจ้า แสงสว่างของโลก” ซึ่งเป็นภาพวาดที่แสดงพระเยซูเจ้าในยามค่ำคืน มือซ้ายถือตะเกียง ขณะที่มือขวากำลังเคาะที่ประตูไม้บานใหญ่ เมื่อฮันท์วาดภาพนี้เสร็จและเปิดเผยให้สาธารณชนได้ชมเป็นครั้งแรก บรรดานักวิจารณ์และผู้ชมต่างชื่นชมผลงานที่ยิ่งใหญ่นี้
แต่มีนักวิจารณ์คนหนึ่งให้ข้อสังเกตว่า “ภาพนี้ยังวาดไม่เสร็จ เพราะที่ประตูไม่มีลูกบิด” แต่ฮันท์ยืนยันว่า “ภาพนี้วาดเสร็จสมบูรณ์แล้ว เพราะนี่เป็นประตูสู่หัวใจมนุษย์ ที่จะเปิดได้ก็แต่จากภายในเท่านั้น” พระเยซูเจ้าทรงท้าทายเราให้รู้จักพระองค์เป็นการส่วนตัว เหมือนที่พระองค์ทรงให้ความใส่ใจและรักเราแต่ละคน ดังนั้น พระองค์จึงเชื้อเชิญเราให้ค้นหา รักและรับใช้พระองค์ ด้วยการเปิดหัวใจของเราเพื่อเรียนรู้และมีประสบการณ์โดยตรงเกี่ยวกับพระองค์ เพื่อเราจะสามารถรู้ได้ว่าพระองค์เป็นใครสำหรับเรา มีความหมายอย่างไรสำหรับชีวิตของเรา
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีผู้คนเป็นจำนวนมากที่ยังไม่รู้จักพระเยซูเจ้า เนื่องจากไม่เคยพบเห็นพระองค์หรือไม่มีใครพูดถึงพระองค์ให้พวกเขาฟัง คำถามที่ว่า “พระเยซูเจ้าเป็นใคร” จึงเป็นคำถามที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด และมีผู้ให้คำตอบมากมายหลายแบบแตกต่างกันไปตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน ในวันนี้พระเยซูเจ้าทรงถามเราแต่ละคน “ท่านละคิดว่าเราเป็นใคร”
1. “ท่านละคิดว่าเราเป็นใคร”
ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงถามความเห็นจากบรรดาสาวกว่า “คนทั้งหลายว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” สมัยนั้นยังไม่มีการสำรวจประชามติ (Poll) เหมือนในปัจจุบัน วิธีที่ง่ายที่สุดคือถามความเห็นจากคนใกล้ชิด และพวกเขาได้สะท้อนคำตอบของประชาชนในลักษณะต่างๆ อาทิ ยอห์นผู้ทำพิธีล้าง ประกาศกอิสยาห์ ประกาศกเยเรมีย์ หรือประกาศกคนใดคนหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับพระเยซูเจ้ามิใช่ความเห็นของประชาชน แต่เป็นคำตอบของบรรดาสาวกและเราแต่ละคน “ท่านละคิดว่าเราเป็นใคร”
คำตอบของเปโตรในนามของบรรดาสาวกที่ว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า บุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” คือภาพสะท้อนของความเชื่อและประสบการณ์ที่เปโตรและบรรดาสาวกมีเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า ตลอดเวลาเกือบสามปีที่พวกเขาอยู่กับพระองค์ ได้ฟังคำเทศน์สอน ได้เห็นอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำและได้รับมอบพันธกิจในการประกาศข่าวดี แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่การรู้เกี่ยวกับพระเยซูเจ้า ศิษย์ของพระองค์ทุกคนต้องมีประสบการณ์โดยตรงเกี่ยวกับพระองค์
จากคำตอบนี้เองพระเยซูเจ้าได้มอบอำนาจและการเป็นผู้นำพระศาสนจักรที่พระองค์กำลังตั้งขึ้นให้กับเปโตร พระองค์ได้ตรัสกับเปโตรว่า “ท่านคือศิลาและบนศิลานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้” (มธ 16:18) อีกทั้งได้มอบอำนาจแห่งการยกบาป ซึ่งเป็นอำนาจเฉพาะของพระเจ้าเท่านั้น นั่นหมายความว่า อำนาจของพระเจ้าได้ส่งมอบแก่พระศาสนจักรผ่านทางพระเยซูเจ้า โดยมีเปโตรและบรรดาสาวกเป็นตัวแทน
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวรสารวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับเรา เราสามารถกล่าวได้ไหมว่า พระเยซูเจ้าคือผู้ที่เราเชื่อและรักมากที่สุด พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างที่นำทางชีวิตและเป็นทุกอย่างสำหรับชีวิตของเรา ปราศจากพระองค์เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่ทรงเป็นหลักชัยแห่งชีวิตและทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่าและความหมาย
ประการที่สอง จงเปิดใจให้พระเยซูเจ้าทำงานในตัวเรา เพื่อเราจะสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าและพระศาสนจักรของพระองค์ เราต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระองค์ ผ่านทางการภาวนา การรับพระองค์ในศีลมหาสนิท และการมาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณทุกวันอาทิตย์ ที่ซึ่งเราสามารถพบพระองค์และฟังพระองค์ตรัสกับเราได้อย่างใกล้ชิด
ประการที่สาม เราเป็นพระศาสนจักรของพระเยซูเจ้า เป็นส่วนหนึ่งแห่งพระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้า ผู้เป็นศีรษะของพระศาสนจักรที่ตั้งอยู่บนศิลาของเปโตรและมีบรรดาอัครสาวกเป็นรากฐาน เราจึงต้องเคารพเชื่อฟังพระศาสนจักร “ใครฟังท่าน ผู้นั้นฟังเรา” (ลก 10:16) และมีหน้าที่ในการสานต่อพันธกิจของพระเยซูเจ้าในการประกาศข่าวดีให้คนอื่นได้รับรู้ อาศัยการเป็นพยานชีวิตของเรา บนเส้นทางแห่งความรักและการรับใช้ที่เราพึงมีต่อกัน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระคริสตเจ้า บุตรพระเจ้าผู้ทรงชีวิตที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหมาย เราจึงเชื่อและหมั่นมาหาพระองค์บ่อยๆ เป็นต้นทางศีลศักดิ์สิทธิ์ ในการภาวนาและพิธีบูชาขอบพระคุณ เพื่อเราจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์และเป็นหนึ่งเดียวกับเพื่อนพี่น้อง ชีวิตของเราในแต่ละวันจะต้องเป็นพยานแห่งพระวรสาร และเป็นเครื่องหมายที่มองเห็นได้ที่ทำให้คนอื่นได้รู้ว่า พระเยซูเจ้าเป็นใครและมีความหมายอย่างไรสำหรับเรา
พระเยซูเจ้าทรงตั้งพระศาสนจักร โดยมีเปโตรและบรรดาอัครสาวกเป็นรากฐาน เราจึงต้องเคารพเชื่อฟังพระศาสนจักร (ภายใต้การนำของพระสันตะปาปา ผู้รับมอบอำนาจของพระเยซูเจ้าสืบต่อจากนักบุญเปโตร เคารพเชื่อฟังพระสังฆราชในฐานะผู้สืบตำแหน่งของบรรดาอัครสาวก) อีกทั้ง เราต้องเป็นพระศาสนจักรที่มีชีวิต เป็นต้นในครอบครัวซึ่งเป็นพระศาสนจักรระดับบ้าน ในความรักและการรับใช้ซึ่งกันและกัน ตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว19 สิงหาคม 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น