พระเยซูเจ้าทรงประจักษ์พระวรกาย
วันที่ 6 สิงหาคม ฉลองพระเยซูเจ้าทรงประจักษ์พระวรกาย | 2ปต 1:16-19 มธ 17:1-9 |
บทนำ
ในชีวิตของเราแต่ละคนคงมีช่วงเวลาที่มีค่ายิ่งที่ ที่นำความภาคภูมิใจมาสู่ตัวเราทุกครั้งที่หวนนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น หากเรามองย้อนไปในชีวิตของพระเยซูเจ้า มีเหตุการณ์สำคัญมากมายในชีวิตของพระองค์ การประจักษ์พระวรกาย (Transfiguration of the Lord) บนภูเขาที่เราฉลองในวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญเหตุการณ์หนึ่งที่คริสตชนระลึกถึงทุกปี ตั้งแต่แรกเริ่มของการก่อตั้งพระศาสนจักร
ผู้เขียนพระวรสารถึงสามท่าน ได้บันทึกและบรรยายเหตุการณ์การประจักษ์พระวรกายของพระเยซูเจ้าไว้อย่างละเอียด นักบุญมัทธิว มาระโกและลูกา ต่างเชื่อมโยงการประจักษ์พระวรกายกับการประกาศของเปโตรที่ว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระคริสตเจ้าและบุตรของพระเจ้า และหลังจากนั้นพระเยซูเจ้าได้นำเปโตร ยากอบและยอห์นขึ้นไปบนภูเขา
นักบุญมัทธิวและมาระโกบอกว่าเป็น “ภูเขาสูง” เราไม่สามารถทราบได้อย่างแน่ชัดว่าเป็นภูเขาลูกไหน แต่บรรดาคริสตชนเชื่อมาตั้งแต่โบราณกาลว่าเป็น “ภูเขาทาบอร์” ซึ่งสูง 1,500 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ปัจจุบันได้มีการสร้างวิหารระลึกถึงการประจักษ์พระวรกายไว้ที่นั่น ส่วนนักบุญลูกาบอกให้เราทราบถึงจุดประสงค์ที่พระเยซูเจ้าทรงพาสาวกทั้งสามคนขึ้นไป “เพื่ออธิษฐานภาวนา” และในขณะที่กำลังอธิษฐานภาวนานั้นพระพักตร์และฉลองพระองค์ได้เปลี่ยนไป (ลก 9:28-29)
1. พระเยซูเจ้าทรงประจักษ์พระวรกาย
พระวรสารวันนี้ ทำให้เราทราบถึงเรื่องราวที่งดงามเกี่ยวกับการประจักษ์พระวรกายของพระเยซูเจ้า นักบุญมัทธิวบอกเราว่า พระเยซูเจ้าทรงพาศิษย์ที่ทรงรัก 3 คน ได้แก่ เปโตร ยากอบ และยอห์น ขึ้นไปบนภูเขาสูงแยกจากคนอื่น และทรงประจักษ์พระวรกายให้พวกเขาได้เห็น พระพักตร์ของพระองค์ส่องประกายเจิดเจ้าเหมือนดวงอาทิตย์และฉลองพระองค์ขาววาววับ โมเสสและประกาศกเอลิยาห์ได้ปรากฏมาสนทนากับพระองค์ ถึงพระทรมานและการสิ้นพระชนม์ที่พระองค์กำลังจะได้รับ
สำหรับพระเยซูเจ้านี่คือช่วงเวลาที่พิเศษ เพราะพระองค์กำลังจะเดินทางไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อรับทรมานและถูกตรึงตายบนไม้กางเขน พระองค์ทรงต้องการทำให้ศิษย์ของพระองค์เกิดความมั่นใจและมีความเข้มแข็ง ทำให้พวกเขาได้ทราบถึงความเป็นบุตรพระเจ้าของพระองค์ ผ่านทางพระสุระเสียงของพระบิดาเจ้าที่ตรัสว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด” (มธ 17:5) ซึ่งเป็นพระดำรัสเดียวกันที่ตรัสขณะที่พระองค์รับพิธีล้างจากยอห์น บัปติสต์ ก่อนจะเริ่มภารกิจของพระองค์
การที่พระพักตร์ของพระองค์เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์และฉลองพระองค์ขาววาววับ แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างแท้จริงที่ส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคน อีกทั้ง เป็นการบอกล่วงหน้าถึงการกลับคืนชีพและครองราชย์นิรันดรของพระองค์ ในฐานะพระเจ้าและกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล การปรากฏมาของโมเสสผู้รับมอบบัญญัติจากพระเจ้า และเอลิยาห์ประกาศกผู้ยิ่งใหญ่ของอิสราแอล เป็นตัวแทนของธรรมบัญญัติและธรรมประเพณี ที่รับรองการกระทำของพระเยซูเจ้าและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพระองค์
2. บทเรียนสำหรับเรา
การฉลองพระเยซูเจ้าทรงประจักษ์พระวรกาย และพระวาจาของพระเจ้าสอนอะไรเราในวันนี้
ประการแรก จงอธิษฐานภาวนา พระเยซูเจ้าทรงพาสาวกสามคนขึ้นบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนา ผ่านทางการภาวนาทำให้เราสามารถทราบถึงแผนการของพระเจ้าสำหรับเรา ในการภาวนาพระเจ้าได้แสดงให้เราทราบถึงความรักของพระบิดาเจ้า บ่อเกิดแห่งความยินดีและความเข้มแข็งของเรา อาศัยการภาวนาทำให้เราสามารถเข้าใจพระวาจาของพระเจ้าได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงพระประสงค์ของพระองค์สำหรับเรา
ประการที่สอง “จงฟังท่านเถิด” ให้เราทำตามพระสุระเสียงของพระพระบิดาเจ้าที่ตรัสกับสาวกทั้งสามคนบนภูเขาที่ว่า “จงฟังท่านเถิด” การฟังพระเยซูเจ้าคือการฟังสิ่งที่พระองค์ตรัส พระเจ้าตรัสกับเราหลายวิธีด้วยกัน ผ่านทางพระวาจาที่เราได้ยินได้ฟังและคำสอนของพระศาสนจักร ชีวิตของเราจะต้องมุ่งแสวงหาและปฏิบัติตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า มิใช่น้ำใจของเรา
ประการที่สาม “จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย” พระเยซูเจ้าทรงปลุกศิษย์ทั้งสามให้ตื่นจากภวังค์และเผชิญกับความเป็นจริงแห่งชีวิต นั่นคือ การลงจากภูเขา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการประทับอยู่ของพระเจ้า (ที่ซึ่งพวกเขาได้พบพระเจ้าและมีความสุขที่ได้อยู่นั่น) ทั้งนี้ เพื่อออกไปสู่ความเป็นจริงแห่งชีวิต เราจะต้องนำพระองค์กลับไปพร้อมกันกับเราในชีวิตประจำวัน ให้พระองค์ทรงนำทางเราและมองเห็นถึงการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเราในเพื่อนพี่น้อง
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การประจักษ์พระวรกายที่แท้จริงได้เกิดขึ้นเมื่อเราได้รับศีลล้างบาป แต่เราจะต้องทำให้การประจักษ์พระวรกายนี้ดำเนินต่อไปในชีวิตของเรา ในการอธิษฐานภาวนาและยอมรับว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสตเจ้าและบุตรของพระเจ้า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในตัวเรา ทำให้เรากลายเป็นบุตรของพระเจ้าและมองเห็นทุกคนเป็นพี่น้อง
การฉลองพระเยซูเจ้าทรงประจักษ์พระวรกายเป็นการฉลองแห่งความหวัง ที่ทำให้เราสามารถยืนหยัดมั่นคงในท่ามกลางปัญหาและความยากลำบากที่กำลังเผชิญอยู่ อีกทั้ง เป็นหลักประกันว่าเราจะได้รับเกียรติมงคลรุ่งเรืองเช่นเดียวกัน หากเราได้พยายามที่จะดำเนินชีวิตตามแนวทางของพระเยซูเจ้า บนหนทางแห่งไม้กางเขน ซึ่งเป็นหนทางแห่งความรัก การรับใช้และการอภัย
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว4 สิงหาคม 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น