สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา ปี A
กจ 8:5-8, 14-17
1 ปต 3:15-18
ยน 14:15-21
ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งเห็นทูตสวรรค์กำลังเดินบนท้องถนน มือข้างหนึ่งถือคบเพลิง อีกข้างหนึ่งถือถังน้ำ เขาจึงถามทูตสวรรค์ว่า “ท่านถือคบเพลิงและถังน้ำไปทำอะไร” ทูตสวรรค์หยุดมองดูชายนั้นและตอบว่า “ฉันกำลังจะไปเผาสวรรค์ให้วอดวายด้วยคบเพลิงนี้ และจะใช้ถังน้ำนี้ดับไฟนรกให้มอดลง เพื่อจะได้รู้ว่าใครรักพระเจ้าจริง”
สิ่งที่ทูตสวรรค์ต้องการจะบอกเราคือ คนทุกวันนี้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าเพราะกลัวตกนรก หรือเพราะหวังอยากได้สวรรค์เป็นรางวัล พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติด้วยเหตุผลที่พระเยซูเจ้าตรัสกับเราในพระวรสารวันนี้ พวกเขาถือพระบัญญัติโดยขาดความรักต่อพระเจ้า “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านจะปฏิบัติตามพระบัญญัติของเรา” (ยน 14:15)
พระวรสารวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพระดำรัสหลังการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิตที่พระเยซูเจ้าทรงอยู่กับบรรดาสาวก พระองค์จะไม่อยู่กับพวกเขาอย่างที่พวกเขาแลเห็นพระองค์อีกต่อไป พระองค์ได้เตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับวันที่พระองค์จะต้องจากไป ทรงท้าทายพวกเขาให้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระองค์จะอยู่กับพวกเขาตลอดไปในองค์พระจิตเจ้า
1. ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา
พระเยซูเจ้าทรงเริ่มต้นพระวรสารวันนี้ด้วยการท้าทายสาวกและผู้ติดตามพระองค์ “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา” บรรดาสาวกต่างแน่ใจว่าพวกเขารักพระองค์ (ถ้าไม่รักพระองค์พวกเขาคงไม่อยู่กับพระองค์จนถึงวันนั้น) แต่สิ่งที่พระองค์หมายถึงคือ การยอมรับคำสั่งของพระองค์ที่ทรงสั่งพวกเขาต่อจากนั้นว่า “ท่านจะปฏิบัติตามพระบัญญัติของเรา”
เครื่องหมายที่บ่งบอกว่ารักพระเยซูเจ้าคือ การดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติของพระองค์ สิ่งนี้อาจทำให้ผู้ติดตามพระองค์ตกใจคิดว่าทำได้ยากเพราะความอ่อนแอที่แต่ละคนมี แต่การเรียกให้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์สามารถเป็นไปได้ อาศัยของประทานที่พระเยซูเจ้าจะประทานให้ พระองค์กำลังจะจากพวกเขาไป จึงได้สัญญาจะประทานผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่ง
พระเยซูเจ้าคือ ผู้ช่วยเหลือองค์แรกที่ทรงสอน นำทาง และปกป้องพวกเรา พระองค์ได้แสดงให้เราเข้าใจว่าพระเจ้าทรงรักเรามากเพียงใด “พระเจ้าทรงรักโลกมากจึงได้ประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์” (ยน 3:16) และทรงขอให้เรารักซึ่งกันและกัน สิ่งนี้คือความจริงที่อยู่เบื้องหลังพระบัญญัติของพระองค์ “นี่คือบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน 15:12)
พระจิตเจ้าคือ ผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ เพื่อเป็นหลักประกันว่าพระบัญญัติแห่งความรักจะได้รับการถือปฏิบัติในระหว่างผู้ติดตามพระองค์ เราจึงต้องตอบสนองด้วยการรักซึ่งกันและกันเหมือนดังที่พระองค์ทรงรักเรา นำทาง ให้คำปรึกษา ปกป้องคุ้มครอง และทำให้เราเข้มแข็งด้วยความช่วยเหลือของพระจิตเจ้าที่จะอยู่กับเราเสมอไป
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวรสารวันนี้บอกเราว่า ความรักในชีวิตคริสตชนเรียกร้องการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในโลกที่ร้าวฉาน พระเจ้าทรงรักโลกมากถึงได้ประทานพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์เพื่อช่วยโลกให้รอด พระเยซูเจ้าได้แสดงความรักของพระบิดาเจ้าในการประทานพระองค์เองเพื่อเรา และทรงเรียกเราให้ตอบสนองความรักนี้ในการปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์
ประการแรก ในความนอบน้อมเชื่อฟัง พระเยซูเจ้าได้แสดงความรักของพระเจ้าให้เราได้เห็นประจักษ์ พระองค์ทรงนอบน้อมเชื่อฟังจนถึงที่สุดด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ความรักที่แท้จริงที่เรามีต่อพระเจ้าต้องแสดงออกให้เห็นในความนอบน้อมเชื่อฟังเช่นเดียวกัน ด้วยการมองเห็นพระญาณสอดส่องและความรักของพระองค์ในเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ตีโพยตีพายหรือด่าว่าพระเจ้า
ประการที่สอง ในความรักต่อกัน เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน” พระองค์ต้องการให้เรามองเห็นพระองค์ในผู้อื่น และรักพวกเขาเหมือนที่พระองค์ทรงรักเรา ความรักที่เรามีต่อเพื่อนพี่น้องจึงเป็นการพิสูจน์ว่า เรารักพระองค์และเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์ อีกทั้งยังเผยให้คนอื่นได้เห็นถึงความรักของพระเจ้า
ประการที่สาม ในการให้อภัยซึ่งกันและกัน พระเยซูเจ้าทรงสอนเรา “จงรักศัตรูและภาวนาให้แก่ผู้ที่เบียดเบียนท่าน” ทรงมอบแบบอย่างนี้แก่เราในการให้อภัยแก่ผู้ประหารพระองค์ เราถูกเรียกร้องให้ทำเช่นเดียวกัน เมื่อใครคนหนึ่งไม่ยอมให้อภัย เท่ากับว่าเขากำลังทำร้ายตัวเองมากกว่าทำร้ายคู่อริของเขา ดาบที่เราใช้ทำร้ายศัตรูความจริงได้แทงทะลุร่างของเราก่อน ดังสุภาษิตจีนที่ว่า “ใครที่คิดแก้แค้น เขากำลังขุดหลุมฝังศพคู่อริของเขาและตัวเขาเอง”
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงความรักของพระบิดาเจ้าในภาคปฏิบัติ ด้วยความนอบน้อมเชื่อฟังจนถึงที่สุดคือการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน อีกทั้ง ทรงวอนขอให้พระบิดาเจ้ายกโทษให้ทุกคน พระองค์ทรงเรียกร้องให้เราดำเนินชีวิตในความรักนี้เช่นเดียวกัน ด้วยการถือปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ ซึ่งสรุปได้ใน ความรักที่มีต่อกันและการให้อภัยความผิดของกันและกัน
ขอให้เราดำรงชีวิตในความรักและการให้อภัยนี้ โดยเริ่มจากในครอบครัวของเรา ก่อนที่จะขยายออกไปสู่ผู้อื่นในสังคมและหมู่บ้านของเรา เป็นต้น คนที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ใครที่ดำรงชีวิตในความรักและการให้อภัยในชีวิตประจำวัน ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขารักพระเยซูเจ้า ใครที่รักพระเยซูเจ้าจะเป็นที่รักของพระบิดาเจ้าด้วย พระเยซูเจ้าจะทรงรักเขาและประทับอยู่กับเขาในองค์พระจิตเจ้า ตลอดไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว27 พฤษภาคม 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น