วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ความยินดีในความทุกข์

อันนาสุรีย์ พรหมสาขา ณ สกลนคร (อาสุด)
ความยินดีในความทุกข์

สามทุ่มคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 ตุลาคม) ได้รับโทรศัพท์จากหลานสาว ระร่ำระลักว่า “ย่าเสียแล้ว” พร้อมกับร้องห่มร้องไห้ใหญ่ ก็ได้แต่ปลอบใจให้ทำใจดีๆ ย่าไปดีแล้ว บอกจะภาวนาให้ ย่าที่หลานสาวพูดถึงนี้ เป็นน้องสาวคนเล็กของพ่อซึ่งล่วงหน้าไปก่อนแล้วเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน (9 พฤศจิกายน 2006) พ่อเป็นคนจันทร์เพ็ญ (อ.เต่างอย จ.สกลนคร) เกิดและเติบโตที่นั่น ก่อนจะมาแต่งงานกับแม่ที่นาโพธิ์ (อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร)

พ่อมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน น้องสาวคนเล็กที่เสียชีวิตนี้ชื่อ อันนาสุรีย์ พรหมสาขา ณ สกลนคร อายุ 68 ปี ห่างจากพ่อ 7 ปี แต่เรามักจะเรียกกันว่า “อาสุด” คงจะเป็นเพราะเป็นลูกคนสุดท้องของคุณปู่คุณย่ากระมั่งจึงเรียกกันอย่างนั้น อาสุดแต่งงานกับอาเสถี พรหมสาขา ณ สกลนคร มีบุตรด้วยกัน 7 คน และมีหลานชายคนหนึ่งเป็นสามเณรใหญ่ของอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ชื่อ บร. อรรคพล พรหมสาขา ณ สกลนคร กำลังอยู่ในช่วงปีฝึกงานอภิบาล (Pastoral year)

มิสซาหน้าศพที่บ้าน คืนวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2010
 ยังจำภาพเวลาเป็นเด็กที่พ่อพาไปฉลองวัดแม่พระถือศีลชำระ จันทร์เพ็ญ และพาไปเยี่ยมบ้านพี่น้องของพ่อ เพื่อจะบอกลูกๆ ให้รู้จักญาติพี่น้องว่ามีใครบ้าง บ้านอาสุดอยู่ทางคุ้มเหนือ ค่อนข้างไกลจากบ้านญาติคนอื่น และทุกครั้งที่ไปจะได้เห็นอาคนนี้กุลีกุจอทำสำรับกับข้าวมาต้อนรับด้วยความยินดี กระทั่งโตขึ้นได้มีโอกาสแวะเวียนมาเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว ทราบว่าอาสุดสุขภาพไม่ค่อยดี เป็นโรคเบาหวาน แต่ยังแข็งแรงเดินไปมิสซาที่วัดได้ไม่มีปัญหา กระทั่งทราบข่าวว่าพระยกไปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม แบบกะทันหัน นับเป็นความทุกข์และการสูญเสียครั้งใหญ่ของบรรดาลูกๆ หลานๆ และญาติพี่น้อง

มิสซาปลงศพของอาสุด มีขึ้นที่วัดแม่พระถวายพระกุมารในพระวิหาร จันทร์เพ็ญ เมื่อวันที่ 5ตุลาคม เวลา 14.00 น. หลังมิสซาปลงศพแม่ซึ่งเดินทางมาจากนาโพธิ์ได้รับโทรศัพท์จากสะใภ้คนเล็กว่า ลูกสะใภ้คนกลางที่ลงสมัครผู้ใหญ่บ้านชนะการเลือกตั้งและได้เป็นผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ของหมู่ที่ 11 ต.นาโพธิ์ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ทิ้งห่างผู้สมัครชายอีก 4 คน กลายเป็นผู้ใหญ่บ้านหญิงคนแรกของหมู่ที่ 11 และเป็นผู้ใหญ่บ้านหญิงคนแรกในรอบ 123 ปีของนาโพธิ์อีกด้วย

มิสซาปลงศพที่วัดจันทร์เพ็ญ วันอังคารที่ 5 ตุลาคม 2010
 ความจริงได้ยินแม่พูดให้ฟังว่าลูกสะใภ้จะลงสมัครผู้ใหญ่บ้าน แต่ได้บอกแม่ไปว่า “ไม่เห็นด้วย” ขอให้ช่วยกล่อมลูกสะใภ้ให้เลิกล้มความตั้งใจ เพราะครอบครัวของพวกเขาเองยังไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยเหลือหรือเป็นที่พึ่งพาของใครต่อใครได้ รวมทั้งได้พูดกับเจ้าตัวเองด้วย แต่เธอยืนยันว่า “ลองดู ไม่เสียหาย” เพราะชาวบ้านสนับสนุนให้ลงเนื่องจากเห็นถึงความเอาการเอางานในการช่วยวัดวาศาสนาและส่วนรวม เธอบอกว่า “อยากดูว่าพวกเขา (ชาวบ้าน) จะสนับสนุนจริงตามที่พูดไหม เพราะเราไม่มีเงินให้พวกเขาอยู่แล้ว มีแต่ความจริงใจ”

เวลาที่ทราบข่าว ดูเหมือนแม่จะดีใจและภูมิใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้มาก ทำให้บรรดาลูกๆ พลอยดีใจกับแม่ด้วย คาดว่าแม่คงได้ใช้บารมีของแม่แปรเปลี่ยนใจชาวนาโพธิ์หมู่ที่ 11 ให้กลายเป็นคะแนนเสียงให้กับลูกสะใภ้คนนี้พอสมควร และที่แม่ไม่เคยลืมคือร้องบอกพ่อผู้จากไปให้ช่วยอีกแรง ข่าวดีที่แม่ได้รับจึงเป็นความยินดีในห้วงเวลาของความทุกข์โศก ความทุกข์กับความยินดีจะมาพร้อมกันเช่นนี้เสมอ

พิธีฝังศพที่สุสาน "ศานติคาม" วัดจันทร์เพ็ญ
 พระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับเรามนุษย์แต่ละคนในแบบที่เราคาดไม่ถึง และมักจะเป็นเช่นนี้เสียด้วยสิ ไม่มีใครที่จะเป็นผู้ชนะตลอดและได้ทุกอย่างในเวลาเดียวกัน และไม่มีใครที่จะเป็นผู้แพ้เสมอและสูญเสียทุกอย่างในเวลาเดียวกัน เข้าทำนอง “ในชั่วมีดี ในดีมีเสีย” ดังนั้น นักบุญเปาโลจึงสอนเราว่า “ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นไปเพื่อความดีของผู้ที่รักพระเจ้า” ปัญหาก็อยู่ตรงที่ว่า เราจะมองเห็นความรักของพระเจ้าในทุกกิจการที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราหรือเปล่า
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
7 ตุลาคม 2010

1 ความคิดเห็น:

  1. ได้ทราบข่าวเหมือนกันครับ...พอดีบร.หลุยส์เมลมาบอก...
    ทางนี้ก็ภาวนาให้และแสดงความเสียใจด้วยคนนะครับ

    ตอบลบ