วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

คุณพ่อปีโอ นักบุญผู้มีรอยแผลศักดิ์สิทธิ์

23 กันยายน เป็นวันระลึกถึง นักบุญปีโอแห่งปิเอเตรลชีนา หรือ "คุณพ่อปีโอ" ขณะที่ศึกษาอยู่ที่กรุงโรม ได้มีโอกาสไปแสวงบุญที่ซานโจวานนี โรตอนโด แคว้นปูเลีย ประเทศอิตาลี ที่เก็บร่างของนักบุญผู้มีรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ ร่วมสมัยองค์นี้ พร้อมกับพระสังฆราช พระสงฆ์ และชาวไทยในโรม

อีกทั้งได้เคยเขียนเรื่องลงเว็บไซต์และอุดมสาร วันนี้จึงขอนำข้อเขียนบางตอนที่เกี่ยวกับประวัติของคุณพ่อปีโอมานำเสนออีกครั้ง ส่วนบทความและภาพประกอบทั้งหมด สามารถติดตามได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้
http://www.catholic.or.th/events/news/news30/news037/news037.html
http://www.naphoradio.com/San%20Giovanni%20Rotondo2008.php
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

ชีวิตของคุณพ่อปีโอ

นักบุญปีโอแห่งปิเอเตรลชินา หรือที่เรียกกันติดปากว่า “คุณพ่อปีโอ” (Padre Pio) เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1887 ที่ปิเอเตรลชินา (Pietrelcina) เมืองเล็กๆ ในอัครสังฆมณฑลเบเนเวนโต (Benevento) เขตปูเลียทางภาคใต้ของประเทศอิตาลี เป็นบุตรของ กราซีโอ มารีโอ ฟอร์โจเน (Grazio Mario Forgione) กับ มาเรีย จูเซปปา เด นุนซิโอ (Maria Guiseppa de Nunzio) บิดามารดาได้พาไปรับศีลล้างบาปในวันต่อมาที่วัดแม่พระแห่งทูตสวรรค์ (La Madonna degli Angeli) ใกล้บ้าน โดยได้ชื่อว่า “ฟรันเชสโก” (Francesco) ตามชื่อของพี่ชายที่ตายตั้งแต่ยังเล็ก มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน พี่ชายหนึ่งคนชื่อ มิเกลเล (Michele) และน้องสาวอีกสามคนคือ เฟลิชิตา (Felicita), เปลเลกรินา (Pellegrina) และกราเซีย (Grazia)

ครอบครัวฟอร์โจเน เป็นคริสตชนที่ศรัทธาและเคร่งครัดไปร่วมพิธีมิสซาทุกวัน สวดสายประคำร่วมกันทุกคืน และอดเนื้ออาทิตย์ละสามวันเพื่อถวายเกียรติแด่แม่พระแห่งภูเขาคาร์เมล แม้ว่าบิดามารดาจะอ่านหนังสือไม่ออกแต่รู้พระคัมภีร์ดีมาก จดจำได้ขึ้นใจและเล่าเรื่องราวในพระคัมภีร์ให้ลูกๆ ฟังเป็นประจำ ทำให้เมล็ดพันธ์แห่งความเชื่อได้รับการปลูกฝังในตัวของเด็กชายฟรันเชสโกตั้งแต่ยังเล็ก ขณะอายุได้ห้าขวบได้ปวารณาตัวที่จะอุทิศตนเพื่อพระเยซูเจ้า อายุ 12 ปี ได้รับศีลมหาสนิทและศีลกำลัง มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นพระสงฆ์ ต่อมาได้เข้าคณะภราดาน้อยกาปูชินที่มอร์โคเน (Morcone) อายุได้16 ปีได้สวมเครื่องแต่งกายของคณะกาปูชินเมื่อวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1903 และเข้าเป็นโนวิส โดยได้ชื่อว่า “ปีโอ” (Pio) เพื่อเป็นเกียรติแด่นักบุญปีโอที่ 5 องค์อุปถัมภ์ของเมือง และเป็นที่รู้จักในชื่อ “ปีโอ” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ภราดาปีโอ ได้ปฏิญาณตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1904 จากนั้นได้เดินทางไปเมืองอัสซีซี เพื่อศึกษาและเตรียมตัวเป็นพระสงฆ์และได้ปฏิญาณตนตลอดชีพที่นั่นเมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 1907 หลังเรียนจบได้บวชเป็นพระสงฆ์เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1910 โดยพระอัครสังฆราชเปาโล สกิโนซี (Paolo Schinosi) ที่อาสนวิหารเบเนเวนโต ต่อมาเนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพจึงได้พักอยู่กับครอบครัวจนถึงปี ค.ศ. 1916 เดือนกันยายนปีเดียวกันได้ถูกส่งตัวมาอยู่ที่อารามที่ซานโจวานนี โรตอนโด และอยู่ที่นั่นจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
ผู้มีรอยแผลศักดิ์สิทธิ์และญาณหยั่งรู้

หลังจากเป็นพระสงฆ์ได้ไม่ถึงเดือน พระเยซูเจ้าและแม่พระได้ปรากฏมาและให้รอยแผลศักดิ์สิทธิ์กับคุณพ่อปีโอเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ขณะภาวนาหลังจากถวายมิสซาที่ปิอานา โรมานา (Piana Romana) คุณพ่อได้ขอพระเยซูเจ้าให้ขจัดมันออกไป กระทั่งวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1918 คุณพ่อได้รับรอยแผลนี้อีกครั้งขณะที่กำลังภาวนาในวัดน้อยของอาราม คุณพ่อต้องเจ็บปวดมากและมีเลือดไหลที่มือและเท้าจนต้องพันผ้าไว้ รอยแผลนี้ได้อยู่กับคุณพ่อเป็นเวลา 50 ปี และค่อยๆ จางหายไปในวันที่คุณพ่อมรณภาพ

คุณพ่อปีโอได้ยึดเอางานธรรมทูตและไม้กางเขนของพระเยซูเจ้าเป็นพลัง ปรีชาญาณและเกียรติสำหรับตัวเองเหมือนนักบุญเปาโล ความรักของพระเยซูเจ้าเร่งเร้าทำให้คุณพ่อกลายเป็นเหมือนกับพระองค์ในการทนทรมานเพื่อความรอดของโลก คุณพ่อได้ติดตามและเรียนแบบพระคริสต์ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขนด้วยการเจริญชีวิตในความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งแสดงออกในการแนะนำวิญญาณผู้คนมากมายที่มาหา ในการฟังแก้บาป การภาวนา และการถวายพิธีบูชาขอบพระคุณ คุณพ่อแซร์โจเล่าว่า คุณพ่อปีโอใช้เวลาถวายมิสซานานนับชั่วโมง และฟังแก้บาปวันหนึ่ง 15 ชั่วโมง

คุณพ่อปีโอเป็นผู้ที่มีชีวิตจิตที่ลึกซึ้งมาก ได้รับพระพรพิเศษในการรู้จิตใจคน สามารถรู้ก่อนที่คนนั้นจะบอกบาปหรือมาหาเสียอีก และสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า พระคาร์ดินัล อัลฟอนส์ สติ๊กเลอร์ (Alfons Stickler) แห่งออสเตรียเล่าว่าในปี ค.ศ. 1947 คุณพ่อคาโรล วอยติยา ซึ่งต่อมาคือพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ขณะเป็นนักศึกษาที่กรุงโรม ได้ยินเรื่องของคุณพ่อปีโอและปรารถนาจะพบจึงได้เดินทางไปที่ซานจีโอวานนี โรตอนโด ระหว่างที่พบกันคุณพ่อปีโอได้ยืนยันกับคุณพ่อวอยติยาว่า “วันหนึ่งท่านจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดของพระศาสนจักร” พระคาร์ดินัลสติ๊กเลอร์ เล่าต่อไปว่าคุณพ่อวอยติยาเชื่อว่าคำทำนายนี้เป็นจริงเมื่อท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลไม่ใช่พระสันตะปาปา เล่ากันว่าวันนั้นคุณพ่อปีโอได้เห็นคุณพ่อวอยติยาแต่งกายด้วยเครื่องแบบของพระสันตะปาปาและมีรอยเลือดสีแดงเปื้อนอยู่บนผ้าคลุมไหล่สีขาว ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วภายหลังจากที่พระคาร์ดินัลวอยติยาได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาแล้ว
สถานที่ที่เคยใช้ฝังศพของคุณพ่อปีโอเป็นเวลาร่วม 40 ปี ที่ซานโจวานนี โรตอนโด
นักบุญร่วมสมัย ผู้มีความศรัทธาต่อแม่พระ

สิ่งที่คุณพ่อปีโอใช้เป็นอาวุธในการประจญคือ การภาวนา คุณพ่อน้อมรับพระประสงค์ของพระอย่างไม่มีเงื่อนไข ตัวอย่างในช่วงปี ค.ศ. 1931-1933 พระสันตะปาปาปิอุส ที่ 11 ได้มีคำสั่งห้ามคุณพ่อฟังแก้บาป ห้ามถวายมิสซาในที่สาธารณะเนื่องจากมีพระสังฆราชและพระสงฆ์ไปรายงานว่างานอภิบาลของคุณพ่อไม่โปร่งใส แต่คุณพ่อได้กล่าวว่า "ลูกจะตอบแทนพระคุณพระองค์ได้อย่างไร ในงานอภิบาลอย่างแสนสาหัสครั้งนี้" นี่เป็นลักษณะความนบนอบของคุณพ่อ

คุณพ่อปีโอใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสวดภาวนาต่อหน้าพระรูปแม่พระมหาการุณย์ วิงวอนขอการช่วยเหลือจากแม่พระเพื่อผู้ที่มาหาคุณพ่อ เมื่อพบปัญหาที่ยากเป็นพิเศษคุณพ่อจะพูดว่า "เราจำเป็นต้องพึ่งแม่พระ" พระนางเป็นผู้ที่คุณพ่อมักคิดถึงเสมอเป็นคนแรก เพราะพระนางทรงแนะนำและทำให้คุณพ่อมีใจร้อนรน คุณพ่อชอบจินตนาการถึงพระนางขณะที่อยู่ใต้ไม้กางเขนและพูดถึงพระนางว่า "แม่พระทรงรับความทุกข์เพื่อพวกเรา พระนางมีความสามารถเข้าใจในความทุกข์ทุกอย่าง อย่างลึกซึ้งภายใต้ธรรมล้ำลึกแห่งไม้กางเขน เพราะพระนางทรงร่วมรับความทุกข์ทรมานกับพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระนาง” คุณพ่อได้บอกผู้มาหาเสมอว่า แม่พระคือช่องทางที่ทำให้เราไปหาพระเยซูเจ้า ผู้เป็นแหล่งน้ำทรงชีวิต

คุณพ่อปีโอแสดงความศรัทธาต่อแม่พระด้วยการสวดสายประคำไม่หยุดหย่อน มีสายประคำติดมือตลอดเวลาเพราะตระหนักว่านี่เป็นอาวุธอันทรงอานุภาพในการต่อสู้กับปีศาจ เพื่อเอาชนะการประจญ เป็นที่สบพระทัยพระเจ้าและรับพระหรรษทานต่างๆ แม้กระทั่งในวาระสุดท้ายของชีวิต คุณพ่อถือสายประคำในมือแต่ไม่มีแรงสวดบทวันทามารีอา นอกจากคำว่า “เยซู มารีอา” ก่อนมอบคืนดวงวิญญาณแด่พระเจ้าอย่างสงบ หลังจากได้รับศีลอภัยบาปเป็นครั้งสุดท้ายและรื้อฟื้นคำปฏิญาณในคณะฟรังซิสกัน ตอนเช้าตรู่ของวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1968 เวลา 02.30 น. เป็นการปิดฉากชีวิตผู้ศักดิ์สิทธิ์ในโลกนี้ด้วยวัย 81 ปี ร่างของคุณพ่อได้รับการฝังไว้ใต้โบสถ์ในอีกสามวันต่อมา มีผู้คนมาร่วมพิธีศพมากกว่าแสนคน

วันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1982 พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้ลงนามในการเริ่มกระบวนการสอบสวนเพื่อดำเนินเรื่องว่าคุณพ่อปีโอสมควรได้รับการพิจารณาให้เป็นนักบุญหรือไม่ หลังจากนั้น 7 ปี คือ ค.ศ. 1990 คุณพ่อปีโอได้รับการประกาศเป็น “ผู้รับใช้ของพระเจ้า” ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกของการประกาศเป็นนักบุญ วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1998 ได้รับการประกาศเป็น “ผู้น่าเคารพ” และวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1999 ได้รับการประกาศเป็น “บุญราศี” ที่สุด พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้ประกาศให้คุณพ่อปีโอเป็น “นักบุญปีโอแห่งปิเอเตรลชินา” เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 2002 มีผู้คนมากกว่า 3 แสนคนไปร่วมในพิธีแต่งตั้งเป็นนักบุญในวันนั้น วันฉลองประจำปีคือวันที่ 23 กันยายน ของทุกปี
ร่างที่ไม่เน่าเปื่อยเหมือนคนนอนหลับของคุณพ่อปีโอ ที่นำขึ้นมาใส่ไว้ในโลงแก้วปี 2007




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น