วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

ความเมตตากรุณาของพระเจ้า

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา ปี C
บทอ่านที่ 1: อพย 32:7-11, 13-14
บทอ่านที่ 2: 1 ทธ 1:12-17
พระวรสาร: ลก 15:1-10
ความเมตตากรุณาของพระเจ้า

บทนำ

ในบรรดาคำอุปมาต่างๆ ของพระเยซูเจ้าที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในพระวรสาร มีอยู่ 3 เรื่องที่เกี่ยวกับความเมตตากรุณาของพระเจ้า ซึ่งพบในพระวรสารของนักบุญลูกา บทที่ 15 ได้แก่ คำอุปมาเรื่อง “แกะที่พลัดหลง” “เงินเหรียญที่หายไป” และ “ลูกล้างผลาญ” หรือบิดาผู้ใจดี บางคนถึงกับกล่าวว่า คำอุปมาสามเรื่องนี้ได้เปิดเผยให้เห็นถึงความคิดใหม่เกี่ยวกับพระเจ้า ที่เสาะหาคนบาปที่ผิดหลงให้ได้รับความรอด

คำอุปมาทั้งสามเรื่องเกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่พระเยซูเจ้าถูกวิจารณ์ว่า เป็นมิตรกับคนเก็บภาษีและคนบาปซึ่งเป็นกลุ่มคนที่สังคมรังเกียจ พระเยซูเจ้าทรงร่วมชีวิตกับคนเหล่านี้อย่างไม่รังเกียจเดียดฉันท์เหมือนอย่างคนอื่น แต่ได้แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงรักพวกเขา การกระทำเช่นนี้ พวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสีรับไม่ได้ บางคนในพวกเขาจึงพูดว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” (ลก 15:2)

พวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสี ถือว่าตนเองเป็นคนชอบธรรมและมุ่งหมายจะทำลายเกียรติภูมิของพระเยซูเจ้า ให้อับอายขายหน้าเพราะการปฏิบัติตนเช่นนั้น แต่นี่คือเกียรติมงคลของพระเจ้าที่ทรงถ่อมพระองค์ลงมาช่วยคนบาปให้รอด เรื่องราวในคำอุปมาทั้งสาม มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่า การกระทำของพระเยซูเจ้านั้นถูกต้อง และเปิดเผยความรักของพระบิดาเจ้าให้ปรากฏ

ในคำอุปมาสองเรื่องแรก พระเยซูเจ้าทรงเน้นถึงการสูญเสียและความกระตือรือร้นในการค้นหาสิ่งที่หายไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน และความชื่นชมยินดีเมื่อพบมันอีกครั้ง ในคำอุปมาเรื่องสุดท้าย พระเยซูเจ้าทรงสอนบทเรียนเดียวกัน ด้วยการแสดงให้เห็นถึงความสุขใจอย่างล้นเหลือของบิดาเมื่อบุตรคนเล็กกลับมา โดยเน้นที่การกลับใจของบุตรคนเล็กและท่าทีที่ไม่พอใจของบุตรชายคนโต ซึ่งอยู่กับบิดามาโดยตลอด

1. คุณค่าของสิ่งที่หายไป

ความคล้ายคลึงกันที่เห็นอย่างชัดเจนของคำอุปมาทั้งสามคือ มีบางสิ่งบางอย่างที่หายไป คำอุปมาเรื่องแรกสิ่งที่หายไปคือ “แกะ” เรื่องที่สอง “เงินเหรียญ” และเรื่องที่สาม “บุตรคนเล็ก” การสูญหายนี้แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ยากของเราเมื่ออยู่ในสภาพบาปและแยกจากพระเจ้า ในแต่ละคำอุปมาสะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่า สิ่งที่หายไปยังคงมีคุณค่าในใจของเจ้าของ ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นได้หายไปแล้ว

เจ้าของแกะคนหนึ่งอาจคิดว่า คงไม่ได้แกะตัวที่หายไปกลับคืนแล้ว แต่เขายังมีแกะอีก 99 ตัว ความสูญเสียที่เกิดขึ้นคิดเป็น 1% เท่านั้น ในทำนองเดียวกัน หญิงคนที่ทำเงินเหรียญหายไม่จำเป็นต้องค้นหาให้เหนื่อยเปล่า เพราะเพียงแค่เหรียญเดียวจากที่มีอยู่ (สิบเหรียญ) ยังมีเหลืออีกเก้าเหรียญ แต่เจ้าของทั้งสองกรณีไม่ได้ทำอย่างนั้น พวกเขายังคงขะมักเขม้นค้นหาสิ่งที่หายไปจนกว่าจะพบ ยิ่งคนที่เป็นบิดาที่สูญเสียบุตรคนเล็กด้วยแล้วจะไม่มีทางคิดเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด แต่เฝ้าคอยการกลับมาของบุตรชายอย่างใจจดใจจ่อ

การกระทำของเจ้าของและบิดาในเรื่องสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่หายไปมีคุณค่า เจ้าของมุ่งมั่นที่จะหามันจนพบ ในคำอุปมา พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นว่า เราแต่ละคนมีคุณค่าต่อพระเจ้าแม้ว่าจะเดินหลงทางไป พระเจ้าทรงมีความทุกข์และความพยายามมากเพียงใด ที่จะทำให้สิ่งที่หายไปนั้นกลับมาเป็นของพระองค์อีก เพราะพระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งใครและไม่ปล่อยให้ใครสูญหาย แต่ทรงตามหาจนกว่าจะพบ

2. ความเมตตากรุณาของพระเจ้า

พระเจ้าทรงเป็นองค์แห่งความเมตตากรุณา ในบทพระวรสารนักบุญลูกาได้เน้นให้เห็นถึงความรักและความเมตตาของพระเจ้า อาจเรียกได้ว่าบทที่ 15 นี้เป็นบทแห่ง “ความเมตตายินดี” (Joyful mercy) ที่สะท้อนผ่านคำอุปมาทั้งสามเรื่อง: “แกะที่หาย” “เงินเหรียญที่หาย” และ “บุตรที่หลงผิด” บทเรียนที่เราได้จากคำอุปมาทั้งสามเรื่องคือ พระเจ้าทรงรักมนุษย์และมนุษย์มีค่ายิ่งสำหรับพระองค์ นั่นหมายความว่า พระเจ้าต้องการให้มนุษย์ทุกคนได้รอด

พระเจ้าคือองค์ความดีบริบูรณ์ที่เสด็จมาหามนุษย์แม้คนบาปที่สุด ด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมและพร้อมจะให้อภัย ดังนั้น เราแต่ละคนควรตระหนักว่า พระเจ้าของเราทรงเป็นพระเจ้าที่แสนดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านทางพระดำรัสและชีวิตของพระคริสตเจ้า ที่เปิดเผยให้เราทราบถึงความรักและพระทัยเมตตากรุณาของพระเจ้า เพื่อนำเรากลับไปหาพระบิดา ซึ่งเปาโลมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวท่านเอง

คำอุปมาทั้งสามได้แสดงให้เห็นว่า พระเจ้าทรงเสาะหาเราแม้ว่าเราจะหลงหายไปแล้ว พระเยซูเจ้าทรงกลายเป็นเหมือนเรา “ลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า” หรือ “แกะที่อยู่ต่อหน้าคนตัดขน” เพื่อค้นหาเราและนำเรากลับไปหาพระเจ้า ดังพระดำรัสที่ว่าว่า “บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อแสวงหาและเพื่อช่วยผู้ที่เสียไปให้รอดพ้น” (ลก 19:10) ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำเช่นนี้ตลอดชีวิตของพระองค์ จนถึงกับยอมตายบนไม้กางเขน

บทสรุป

พี่น้องที่รัก เราพบว่า “แกะหลงฝูง” เพราะความโง่เขลาไม่รู้จักคิด หากคนเรารู้จักคิดก่อนลงมือทำบ้างคงผิดหลงน้อยกว่านี้ เช่นเดียวกับ “เหรียญเงินที่หายไป” ไม่ใช่เพราะความผิดของตัวมันเอง หากแต่มีคนทำให้หาย นั่นคือมีคนล่อลวงหรือบีบบังคับให้กระทำความผิด ขณะที่ “ลูกล้างผลาญ” เขาตั้งใจและเต็มใจหันหลังให้บิดาของเขาเอง กระนั้นก็ดี ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่และพร้อมที่จะให้อภัยทุกคน ไม่ว่าความผิดนั้นจะเกิดจากความโง่เขลา หรือถูกผู้อื่นล่อลวง หรือเกิดจากความตั้งใจของเขาเองก็ตาม

คำอุปมาเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงท่าทีของพระเจ้าต่อคนบาป ประการแรก พระเจ้าทรงต้องการคนบาป แม้มนุษย์จะกระทำชั่วแต่เขายังมีคุณค่าสำหรับพระเจ้าและพระองค์ยังต้องการเขาอยู่ ดังนั้น พระเจ้าจึงทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาในโลกเพื่อช่วยพวกเขาให้เดินในหนทางแห่งความรอด ประการที่สอง พระเจ้าทรงเสาะหาคนบาป แสดงถึงความรักยิ่งใหญ่และการอภัยไม่สิ้นสุดของพระเจ้าที่ไม่จดจำความผิด แต่เพียรทนแสวงหาและรอคอยวันที่เขากลับใจมาหาพระองค์

แม้เรามนุษย์จะเป็นคนบาป แต่เราโชคดีที่มีพระเจ้าที่ทรงรักเราและเต็มเปี่ยมไปด้วยพระทัยเมตตากรุณาอย่างหาที่สุดมิได้ ไม่ใช่เพราะเรารักพระเจ้าก่อน หากแต่พระองค์ทรงรักเราก่อน สิ่งที่เราแต่ละคนควรกระทำคือ การสำนึกผิดและกลับใจ เปลี่ยนแปลงชีวิตของตนจากบาปมาสู่หนทางที่ถูกต้อง เพื่อตอบสนองความรักของพระเจ้าและทำทุกอย่างเพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความรักต่อกันและให้อภัยความผิดของกันและกันด้วยใจกว้าง

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
11 กันยายน 2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น