2.13 คุณพ่อยอห์น สุรชาติ มุลสุทธิ: อธิการองค์ที่ 13 ค.ศ. 2008-2013
คุณพ่อสุรชาติ
มุลสุทธิได้รับความไว้วางใจให้เป็นอธิการสืบต่อจากคุณพ่อวีระเดช ใจเสรี โดยมีผู้ร่วมงานคือ
คุณพ่อชัยวิชิต บรรเทา ค.ศ. 2007-2009, คุณพ่อพงศ์ศิระ คำศรี ค.ศ. 20008-2010, คุณพ่อดนัย
พิลาจันทร์ ค.ศ. 2009-2010, คุณพ่อญาณารณพ มหัตกุล ค.ศ. 2010-2012, และคุณพ่อวิโรจน์ โพธิ์สว่าง ค.ศ. 2011-ปัจจุบัน
ในห้วงเวลาที่คุณพ่อสุรชาติ
มุลสุทธิ เป็นอธิการถือเป็นช่วงเวลาที่สามเณราลัยมีความพร้อมในเกือบทุกด้าน (เพราะเพิ่งผ่านการฉลองครบรอบ
50 ปี) และโลกสมัยใหม่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก
สิ่งสำคัญคือการเตรียมสามเณรให้พร้อมและรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
คุณพ่อได้จัดหาทุนซื้อคอมพิวเตอร์และจัดทำห้องสมุดใหม่
โดยการจัดการแสดงกายกรรมจากประเทศจีนเพื่อหาทุนดำเนินการจนสำเร็จ ถือเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้สามเณรรู้จักใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างรู้เท่าทัน
เหตุการณ์ที่สำคัญอีกอย่างในช่วงปลายสมัยของคุณพ่อสุรชาติ
มุลสุทธิคือ การเป็นเจ้าภาพจัดงานบวชพระสงฆ์ 2 องค์ คือ คุณพ่อยอแซฟ เทพณรงค์ พุดษา และคุณพ่อยอแซฟ ทินกร เหลือหลาย
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
โดยพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์
นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของสามเณราลัยแห่งนี้ หลังจากที่เมื่อร่วม 20
ปีก่อนเคยมีพิธีบวชพระสงฆ์ครั้งแรกคือ คุณพ่อฟิลิป สุกิจ นารินรักษ์
(9 ตุลาคม 1993)
2.14 คุณพ่อเปโตร วิโรจน์ โพธิสว่าง อธิการองค์ที่ 14 ค.ศ. 2012-ปัจจุบัน
คุณพ่อวิโรจน์
โพธิสว่าง เข้ามาเรียนรู้งานในฐานะผู้ให้การอบรมตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 หลังสำเร็จการศึกษาจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี
และได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการสืบต่อจากคุณพ่อสุรชาติ มุลสุทธิ โดยมีผู้ร่วมงานคือ
คุณพ่อยอห์นบัปติสต์ จีระศักดิ์ อุ่นหล้า ค.ศ. 2012-ปัจจุบัน
และคุณพ่อยอแซฟ ทินนกร เหลือหลาย ค.ศ. 2012-ปัจจุบัน
งานที่คุณพ่อวิโรจน์
โพธิสว่างทำคือ การสานต่องานของคุณพ่อสุรชาติ มุลสุทธิ และเตรียมฉลองครบรอบ 60 ปีแห่งการก่อตั้งสามเณราลัยในปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) คุณพ่อได้จัดประชุมเตรียมงานหลายครั้ง จนได้ข้อสรุปเรื่องรูปแบบและแผนงานฉลอง
60 ปี ด้วยการจัดทำทำเนียบศิษย์เก่า งานชุมนุมศิษย์เก่า
งานบวชพระสงฆ์และเคารพศีลมหาสนิท
งานฉลองครบรอบ 60
ปีจัดให้มีขึ้นในวันที่ 24-25 ตุลาคม ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) เริ่มด้วยการชุมนุมศิษย์เก่าทุกรุ่นในวันที่ 24
ตุลาคม ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) เวลา 14.00 น.
ก่อนจะมีพิธีแห่พระรูปแม่พระในตอนค่ำวันเดียวกัน วันรุ่งขึ้นมีพิธีบวชพระสงฆ์ 3 องค์ และพิธีเคารพศีลมหาสนิทระดับอัครสังฆมณฑลฯ โดย พระอัครสังฆราชหลุยส์
จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ อนึ่ง สังฆานุกรที่ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ในโอกาสพิเศษนี้ประกอบด้วย
สังฆานุกรเปาโล วรเมธ มาหนู. สังฆานุกรยอห์น บัปติสต์ อติชาติ ธรรมวงศ์
และสังฆานุกรโทมัน อาทิตย์ ว่องไว
บทสรุป
สามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ แม้จะถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497)
แต่ก็สามารถเชื่อมโยงไปถึงสามเณราลัยดอนโดน
อันเป็นสามเณราลัยแห่งแรกของพระศาสนจักรท้องถิ่นแห่งนี้ ตามเจตนารมณ์ของ มิชชันนารีผู้บุกเบิกที่ปรารถนาจะมีสถานฝึกอบรมผู้เตรียมตัวเป็นพระสงฆ์
และครูคำสอนสำหรับช่วยงานแพร่ธรรมที่กำลังเริ่มต้น ดังนั้น เราจึงเห็นการถือกำเนิดขึ้น พังทลาย
หรือปิดตัวเองไปของสามเณราลัยหลายแห่ง ตามเงื่อนไขทางธรรมชาติและเหตุปัจจัยทางการเมือง
จนกระทั่งถึงสามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ปัจจุบัน
สามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ จึงเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการแพร่ธรรมในภาคอีสาน
และความพยายามของหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระสังฆราชเกลาดิอุส บาเย
ผู้ให้กำเนิด พระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสและบรรดาอธิการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจุบัน
ที่มีส่วนทำให้สามเณราลัยแห่งนี้เจริญเติบโตและก้าวหน้าเรื่อยมา ตลอด 60
ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์และยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า สามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่
คือ “หัวใจ” และได้ทำหน้าที่เป็น
“แหล่งเพาะชำพืชพันธุ์” แห่งกระแสเรียกการเป็นคริสตชนและพระสงฆ์สำหรับพระศาสนจักรภาคอีสานในระยะเริ่มแรก
และอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงในปัจจุบัน
สามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ จึงเป็นสถานที่สร้างคน สร้างคริสตชน และสร้างพระสงฆ์ ศิษย์เก่าทุกรุ่นที่ผ่านการอบรมจากสามเณราลัยแห่งนี้ ได้ดำเนินชีวิตเป็นคนที่มีคุณค่าต่อสังคม เป็นคริสตชนที่มีความหมายต่อคริสตชุมชนที่ตนสังกัด
และเป็นพระสงฆ์ที่อุทิศตนรับใช้เยี่ยงนายชุมพาบาลที่ดี ซึ่งทุกคนล้วนมีบทบาทและเป็นพลังสำคัญของสังคมและของพระศาสนจักร
60 ปีสามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ จึงเป็นช่วงเวลาแห่งพระพรของพระเจ้า
ที่ทุกคนจะต้องสำนึกและขอบคุณในความรักเมตตาของพระองค์ ที่โปรดให้สามเณราลัยแห่งนี้เติบโตอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้าอย่างมั่นคง
อีกทั้ง เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันทำนุบำรุงและสานต่อให้สามเณราลัยแห่งนี้ก้าวย่างต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน
เพื่อคงความเป็นแหล่งเพาะกระแสเรียกที่มีคุณภาพสำหรับพระศาสนจักร ตลอดไป
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
21 ตุลาคม 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น