2.8 คุณพ่อหลุยส์
จำเนียร สันติสุขนิรันดร์: อธิการองค์ที่ 8 ค.ศ. 1982-1985
คุณพ่อหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการองค์ที่ 8 โดยมีผู้ร่วมงานคือ คุณพ่อคริสเตียน มีแชล, คุณพ่อเปาโล สมพร
อุปพงศ์ ค.ศ.1982-1985 และคุณพ่อเปโตร
ประยูร พงศ์พิษณุ์ ค.ศ.1982-1987
คุณพ่อจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ เป็นผู้ที่มีความรอบรู้ วิสัยทัศน์กว้างไกล
และร้อนรนเป็นพิเศษ เข้าทำนอง “คิดเร็ว ทำเร็ว” บางวันบรรดาสามเณรได้รับทราบความคิดหลายเรื่องจนตามไม่ทัน
แต่ก็ส่งผลดีหลายอย่างสำหรับสามเณรให้เป็นคนกระตือรือร้น และเอาจริงเอาจังกับชีวิต
ต้องยอมรับว่าสิ่งดีๆ หลายอย่างเกิดขึ้นในสมัยนี้ เช่น การแผ่ข้าว เพื่อให้บรรดาคริสตชนตามวัดต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสามเณราลัยด้วยการบริจาคข้าว
จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเรื่อยมาถึงปัจจุบัน
ในสมัยของคุณพ่อจำเนียร สันติสุขนิรันดร์
แม้จะไม่มีสามเณรจากสังฆมณฑลอื่นแล้ว
แต่จำนวนสามเณรกลับเพิ่มขึ้นทำให้เกิดปัญหาเรื่องที่พักอาศัย คุณพ่อได้ติดต่อขอทุนจากพระสมณทูตเรนาโต มาร์ตีโน เพื่อสร้างอาคารใหม่ การก่อสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 4 ชั้น
ขนาดกว้าง 12 เมตร ยาว 30 เมตร เริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526)
ซึ่งบรรดาสามเณรได้มีส่วนในการก่อสร้างด้วยการขุดหลุมเสาทุกต้นของอาคารหลังนี้
ภายใต้การควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิดของคุณพ่อมีแชล จนกระทั่งแล้วเสร็จ
พิธีเสกและเปิดอย่างเป็นทางการ
จัดขึ้นในโอกาสฉลองสามเณราลัย วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526) เวลา 19.30 น. โดยพระสมณทูตเรนาโต
มาร์ตีโน อาคารหลังนี้จึงได้ชื่อ “อาคารมาร์ตีโน” ต่อมาในเวลา 20.00 น. มีพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณโอกาสฉลองสามเณราลัยโดยพระอัครสังฆราชลอเรนซ์
คายน์ แสนพลอ่อน นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของสามเณราลัยที่จัดฉลองเวลากลางคืนและไม่ได้จัดในเดือนตุลาคมดังที่เคยปฏิบัติ
2.9 คุณพ่อยอห์น
บันลือ เกียรติธาตรี: อธิการองค์ที่ 9 ค.ศ. 1985-1989
คุณพ่อยอห์น บันลือ เกียรติธาตรี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิการองค์ที่
9 โดยมีผู้ร่วมงานคือ คุณพ่อเปโตร
สุรพงศ์ นาแว่น ค.ศ. 1985-1989, คุณพ่อคริสเตียน มีแชล, คุณพ่อเปาโล พิชิต ศรีอ่อน ค.ศ. 1987-1989, คุณพ่อเปโตร ประยูร พงศ์พิษณุ์ และคุณพ่อมีคาแอล วัชรินทร์
ต้นปรึกษา ค.ศ. 1987-1994
งานแรกที่คุณพ่อบันลือ เกียรติธาตรี
ทำหลังเข้ารับตำแหน่งคือ ทำกุญแจห้องต่างๆ ใหม่หมด ติดป้ายชื่อห้องเป็นระบบตัวเลขสี่หลักตามแบบโรงแรมเรียงจากตะวันตกไปตะวันออก
พร้อมทั้งนำระบบเลขประจำตัวสามเณรมาใช้เหมือนสมัยก่อน ดังนั้นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
ของบรรดาสามเณรในสมัยนี้จึงมีหมายเลขกำกับไว้ นอกนั้น คุณพ่อยังได้นำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นครั้งแรกที่สามเณราลัย
แนวคิดอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยคุณพ่อบันลือ
เกียรติธาตรี คือ การชุมนุมผู้ปกครองสามเณร
เพื่อให้ได้รับทราบถึงแนวนโยบายและการอบรมสามเณร นับเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสามเณราลัยกับผู้ปกครอง
และตระหนักว่าพวกเขามีส่วนและบทบาทสำคัญในการอบรมบุตรหลานให้ก้าวหน้าในกระแสเรียก หลังการชุมนุมคุณพ่อได้มอบกิ่งพันธุ์ไม้ผลที่มีในสามเณราลัยให้แต่ละครอบครัวนำไปปลูกที่บ้าน เพื่อว่าอย่างน้อยหากบุตรหลานไม่ได้บวชก็ยังมีต้นพันธุ์ไม้ผลของสามเณราลัยปลูกที่บ้าน
และให้ประโยชน์แก่ครอบครัวต่อไป
2.10 คุณพ่อเปาโล
สมพร อุปพงศ์: อธิการองค์ที่
10 ค.ศ. 1989-1993
คุณพ่อเปาโล สมพร อุปพงศ์ ได้ไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคณะโฟโกลาเร ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ก่อนจะได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการองค์ที่ 10 โดยมีผู้ร่วมงานคือ คุณพ่อเปโตร ทวีชัย ศรีวรกุล ค.ศ. 1989-1993, คุณพ่อมีคาแอล ทวีศิลป์
พงศ์พิศ ค.ศ. 1989-1990, คุณพ่อโทมัส
สมเกียรติ พลจางวาง ค.ศ. 1989-1990, คุณพ่อเปาโล ประสิทธิ์ เครือตาแก้ว ค.ศ. 1990-1998, และคุณพ่อมีคาแอล
วัชรินทร์ ต้นปรึกษา
จากการดำเนินชีวิตตามแนวทางของคณะโฟโกลาเร และได้รับการอบรมเกี่ยวกับจิตตารมณ์ของคณะนี้โดยตรง จึงทำให้การอบรมในสมัยคุณพ่อสมพร อุปพงศ์ อยู่ในทิศทางเดียวกับคณะโฟโกลาเร
ที่เน้นชีวิตหมู่คณะและความเป็นหนึ่งเดียว โดยมีความรักเป็นพื้นฐาน มีพระวาจาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและหลักในการดำเนินชีวิต คุณพ่อได้ตั้งกลุ่มพระวาจาขึ้น
เพื่อให้บรรดาสามเณรได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพระวาจา มีการประชุมกลุ่ม
แบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกันทุกเย็นวันอาทิตย์
ผลงานอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยคุณพ่อสมพร
อุปพงศ์ คือ กองทุนสามเณราลัย
เพราะมองเห็นความจำเป็นในอนาคตข้างหน้าหากกรุงโรมตัดความช่วยเหลือ
อย่างน้อยก็ยังมีกองทุนที่สามารถนำดอกผลมาใช้ในกิจการของสามเณราลัยได้ นับเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของคุณพ่อ นอกนั้นสิ่งก่อสร้างที่สร้างในสมัยของคุณพ่อคือ
ถ้ำแม่พระ อาคารอาบน้ำ และถนนคอนกรีต
รวมถึงการปรับแต่งภูมิทัศน์โดยรอบ
2.11
คุณพ่อมีคาแอล
ประสงค์ เด่นไชยรัตน์: อธิการองค์ที่
11 ค.ศ. 1993-1998
คุณพ่อมีคาแอล ประสงค์ เด่นไชยรัตน์ ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการองค์ที่ 11 โดยมีผู้ร่วมงานคือ คุณพ่อเปโตร สุดสาคร ศรีวรกุล ค.ศ. 1993-1994, คุณพ่อประสิทธิ์ เครือตาแก้ว,
คุณพ่อฟรังซิสเซเวียร์ สมรชัย กระแสสิงห์ ค.ศ. 1994-1998, คุณพ่ออันตน เสงี่ยม
ดีศรีวรกุล ค.ศ. 1986-2008 และคุณพ่ออันตน
วีระเดช ใจเสรี
เนื่องจากอาคารฟาติมาอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม
มีรอยร้าวแตกลึกทั่วไป วัสดุที่ใช้ก่อสร้างส่วนใหญ่หมดสภาพไม่สามารถที่จะบูรณะได้ คุณพ่อประสงค์ เด่นไชยรัตน์ จึงได้ขออนุญาตสร้างอาคารฟาติมาหลังใหม่
เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 4 ชั้น
ขนาดกว้าง 12 เมตร ยาว 50 เมตร ในสถานที่เดิมแทนหลังเก่า
งานทุบและรื้อถอนอาคารฟาติมาหลังเก่าได้เริ่มขึ้นโอกาสฉลองสามเณราลัย
วันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) ส่วนการก่อสร้างงานฐานรากเริ่มเมื่อวันที่
3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)
การก่อสร้างได้ดำเนินเรื่อยมา พร้อมกับการบริจาคของผู้มีน้ำใจดีและผู้มีพระคุณสนับสนุนเรื่อยมา จนกระทั่งแล้วเสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 30
พฤษภาคม ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541)
2.12
คุณพ่ออันตนวีระเดช
ใจเสรี: อธิการองค์ที่ 12 ค.ศ. 1998-2008
คุณพ่ออันตน วีระเดช ใจเสรี เข้ามาประจำที่สามเณราลัยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 เพื่อเรียนรู้งานและได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการองค์ที่
12 โดยมีผู้ร่วมงานคือ
คุณพ่อปัสกัล บัณฑิต ธรรมวงศ์ ค.ศ.
1998-2001, คุณพ่อยอแซฟ สุริยา ผันพลี ค.ศ. 1998-2003, คุณพ่ออันตน เสงี่ยม
ดีศรีวรกุล, คุณพ่อยอแซฟ สุดใจ
แสนพลอ่อน และคุณพ่อยอแซฟ ชัยวัฒน์
นำสุย ค.ศ.2002-2003
งานแรกสุดของคุณพ่อวีระเดช ใจเสรี
คือ การเตรียมพิธีเสกและเปิดอาคารฟาติมาหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จในโอกาสฉลองสามเณราลัย
วันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) โดยพระอัครสังฆราชลอเรนซ์
คายน์ แสนพลอ่อน และคุณพ่อได้สานต่อกองทุนสามเณราลัย
ทำให้กองทุนสามเณราลัยที่มีอยู่งอกเงยและเกิดดอกออกผล นอกจากนั้น คุณพ่อได้ปรับปรุงและพัฒนาอาคารสถานที่ให้เจริญก้าวหน้า
ทันสมัย และพร้อมสำหรับการอบรมสามเณรยุคข้อมูลข่าวสารที่ไร้พรมแดน กล่าวได้ว่า สามเณราลัยได้รับการพัฒนามากที่สุดในสมัยนี้เอง
ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดได้รับเงินสนับสนุนจากผู้มีน้ำใจดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ซึ่งเป็นปีครบรอบ 50 ปีแห่งการก่อตั้งสามเณราลัย คุณพ่อวีระเดช ใจเสรี ได้เตรียมงานฉลองตั้งแต่ต้นปี
ไม่ว่าจะเป็นด้านอาคารสถานที่และพิธีกรรม
เช่น ทำซุ้มประตูหน้าใหม่ ทาสีอาคารใหม่ทั้งภายนอกและภายใน และสร้างแท่นที่ประดิษฐานพระรูปพระหฤทัยพระเยซูเจ้าและพระรูปแม่พระฟาติมา
เพื่อเป็นอนุสรณ์ในครบรอบ 50 ปีในครั้งนี้ งานสุวรรณสมโภชครั้งนี้จัดให้มีขึ้นในวันที่
7-9 ตุลาคม ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) โดยมีพิธีกรรมสมโภช, พิธีบวชสังฆานุกร
2 องค์ และพิธีเคารพศีลมหาสนิทระดับอัครสังฆมณฑลฯ ในวันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น