พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่
3
เทศกาลธรรมดา
ปี
C
|
นหม 2-4, 5-6, 8-10
1 คร 12:12-30
ลก
1: 1-4; 4: 14-21
|
บทนำ
ในการสอนคำสอนเด็กครั้งหนึ่ง มีเด็กคนหนึ่งตั้งข้อสงสัยว่า “ทำไมเราไม่มีพระวรสารเพียงเล่มเดียว”
เพราะการมีวรสารเพียงเล่มเดียวย่อมง่ายสำหรับการศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจ อีกทั้งจะเป็นพระวรสารแห่งความจริง
ความบริสุทธิ์และความเที่ยงแท้ แต่เรามีพระวรสารถึงสี่เล่ม และแต่ละเล่มมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน
ในความเป็นจริงหากเรามีพระวรสารเพียงเล่มเดียว
เราก็จะเข้าใจพระเยซูเจ้าเพียงวิธีเดียว แบบเดียว
เราคงเคยได้ยินเรื่องเล่า “คนตาบอดคลำช้าง” เล่ากันว่ามีคนตาบอดหกคนถกเถียงกันว่าช้างเป็นอย่างไรกันแน่
คนแรกสัมผัสสีข้างช้างก็บอกว่าช้างเหมือนกำแพง คนที่สองสัมผัสงาช้างก็บอกว่าช้างเหมือนหอก
คนที่สามสัมผัสงวงช้างก็บอกว่าช้างเหมือนงู คนที่สี่สัมผัสขาช้างก็บอกว่าช้างเหมือนต้นไม้
คนที่ห้าสัมผัสใบหูช้างก็บอกว่าช้างเหมือนพัด และคนที่หกสัมผัสหางช้างก็บอกว่าช้างเหมือนเชือก
คนตาบอดแต่ละคนต่างยืนยันว่าตนเองถูกต้องส่วนคนอื่นผิด
สิ่งที่แต่ละคนพูดล้วนถูกต้องทั้งนั้น
แต่ละคนต่างมีประสบการณ์เกี่ยวกับช้างในแง่มุมของตน แต่มิใช่ความรู้ทั้งหมดหรือความเป็นจริงเกี่ยวกับช้างทั้งครบ
เมื่อเรานำประสบการณ์ของแต่ละคนมารวมกัน เราก็จะได้ภาพความเป็นจริงเกี่ยวกับช้าง
เช่นเดียวกับความเป็นจริงเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าที่ผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่นำเสนอ แต่ละท่านต่างเล่าเรื่องราวและพันธกิจที่แตกต่างกันของพระเยซูเจ้า
ช่วยให้เราได้เข้าใจความเป็นจริงเกี่ยวกับพระองค์ได้ดียิ่งขึ้น
1.
พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี
หลังสังคายนาวาติกันครั้งที่สอง บทพระวรสารวันอาทิตย์ของพระศาสนจักรได้รับการปรับปรุงให้มีวงรอบสามปีคือ
ปี A พระวรสารนักบุญมัทธิวที่เน้นความเป็นกษัตริย์ที่ทรงอำนาจของพระเยซูเจ้า,
ปี B พระวรสารนักบุญมาระโกที่เน้นฤทธานุภาพของพระเยซูเจ้าเพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระแมสิยาห์
(ในการกระทำและอำนาจเหนือธรรมชาติ) และปี C พระวรสารนักบุญลูกาเน้นพระเมตตากรุณาของพระคริสตเจ้า
(ที่มีต่อคนยากจน คนที่ถูกทอดทิ้ง คนต่างชาติและผู้หญิง) ส่วนพระวรสารนักบุญยอห์นใช้อ่านในวันอาทิตย์ในเทศกาลปัสกา
เน้นธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้า
ผู้ซึ่งเป็นอยู่กับพระบิดาเจ้าตั้งแต่นิรันดร
วันนี้เราเริ่มต้นพระวรสารโดยนักบุญลูกา ในอารัมภบท
(ลก 1:1-4) ลูกาได้บอกให้เราทราบถึงเหตุผลในการเขียนพระวรสารของท่าน
นั่นคือเพื่ออธิบายให้เทโอฟีลัส
เจ้าหน้าที่ชาวโรมันได้เข้าใจถึงความเป็นคริสตชน เราได้พยายามที่จะอธิบายให้คนอื่นได้เข้าใจถึงความเป็นคริสตชนของเราบ้างไหม
หลายคนเข้าใจว่าคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาที่เน้นเรื่องบาป การพิพากษา นรกและสวรรค์
ทำให้หลายคนเข้าใจว่าพระเจ้าในแบบตำรวจที่คอยจับผิดและลงโทษมนุษย์ ซึ่งลูกาได้แสดงให้เห็นถึงความรักและพระเมตตาของพระเจ้ามากกว่าการลงโทษ
นั่นคือเหตุผลที่ลูกาบอกเทโอฟีลัสถึงความเชื่อคริสตชน
โดยมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศาลาธรรมแห่งเมืองนาซาเร็ธอย่างมีคุณค่า
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบแต่เฉพาะในพระวรสารโดยนักบุญลูกาเท่านั้น
พระเยซูเจ้าได้ประกาศอย่างเปิดเผยถึงพันธกิจของพระองค์ในโลก นั่นคือการเสด็จมาเพื่อเริ่มการปฏิวัติความรักและความเมตตากรุณาในโลก
“พระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน
ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ
ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า” (ลก 4:18-19)
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวรสารวันนี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน
ในการดำเนินชีวิตประจำวันหลายประการ
ประการแรก เราต้องอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจความเป็นคริสตชน
ยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่รู้จักนามเยซูและมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา
เป็นหน้าที่ของเราคริสตชนแต่ละคนที่จะต้องอธิบายให้พวกเขาได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
เกี่ยวกับความเชื่อและข้อคำสอนของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
ประการที่สอง เราต้องฟังพระวาจาของพระเจ้าด้วยหัวใจ
พยายามทำให้พระวาจาของพระองค์เป็นจริงในชีวิตของเรา
ในทุกสถานการณ์ของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรัก ความเมตตากรุณาและเอาใจใส่ที่เราพึงมีต่อกัน
ตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้าที่นักบุญลูกาพยายามนำเสนอ
ประการที่สาม เราต้องประกาศข่าวดีของพระเจ้า พระเยซูเจ้าได้เริ่มต้นพันธกิจแห่งการประกาศข่าวดีแก่คนยากจน
คนถูกกดขี่และประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเจ้าที่นาซาเรธ บ้านเกิดของพระองค์
เราจึงต้องเริ่มประกาศข่าวดีจากครอบครัวและหมู่บ้านของเรา ตามคำประกาศของพระเยซูเจ้า
โดยเฉพาะกับคนยากจน คนถูกกดขี่และคนที่ต้องการความช่วยเหลือ
บทสรุป
พี่น้องที่รัก นักบุญลูกาได้แสดงให้เห็นถึงความรักและพระทัยเมตตากรุณาของพระเยซูเจ้า
ที่มีต่อทุกคน โดยเฉพาะคนยากจน คนเดือนร้อนและต้องการความช่วยเหลือ เราต้องดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นคริสตชนที่เชื่อในพระคริสตเจ้า
และกล้าที่จะประกาศให้ทุกคนได้เข้าใจถึงความเป็นคริสตชนของเรา
นี่คือพันธกิจของเราแต่ละคนและหมู่คณะในการนำข่าวดีของพระองค์ไปสู่ทุกคน
วันนี้พระวรสารได้ท้าทายเราให้ฟังข่าวดีของพระองค์
ยอมรับข่าวดีเข้ามาสู่ใจของเรา และยื่นมืออกในการปฏิบัติความรักกับคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบรอบตัวเรา
เพื่อช่วยพวกเขาได้ตระหนักถึงความรัก พระทัยเมตตากรุณาและความโปรดปราณของพระเจ้า ที่เสด็จมาเพื่อช่วยเหลือเราทุกคน
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว25 มกราคม 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น