กว่าจะมาเป็นหอระฆัง “นันสีทอง”
วัดพระนามเยซู โพนสวาง ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส
จังหวัดสกลนคร เป็นวัดหนึ่งในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ที่อยู่ในความดูแลของวัดพระคริสตประจักษ์
นาบัว และมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานคู่กับวัดนาบัว เนื่องจากคริสตชนโพนสวางคือชาวนาบัว
ที่มาตั้งบ้านเรือนทำเลือกสวนไร่ในในบริเวณดังกล่าวเมื่อร่วม 80 ปีก่อนสมัยคุณพ่อยอห์นบัปติสต์ แท่ง ยวงบัตรี
ต่อมาสมัยคุณพ่อยอแซฟ อินตา นันสีทอง
ได้สร้างวัดหลังแรกด้วยไม้ ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 20 เมตร ยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนวัดหลังปัจจุบันสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1997
(พ.ศ. 2540) สมัยคุณพ่อมีคาแอล วีรพงษ์ มังกาย
สำหรับเป็นศูนย์กลางทางความเชื่อของคริสชนโพนสวาง ประมาณ 500
คน ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะยากจนและอยู่ท่ามกลางพี่น้องชาวพุทธ
แต่วัดหลังนี้ยังไม่มีหอระฆังสำหรับตีบอกเวลาสวดสรรเสริญพระเจ้าและมาวัดเหมือนเช่นวัดอื่น
ดังนั้น
สภาอภิบาลวัดและพี่น้องคริสตชนโพนสวาง จึงได้ประชุมกันและมีมติก่อสร้างหอระฆังไม้ ขนาดฐานกว้าง
5
เมตร สูง 6 เมตร เพื่อรองรับหอระฆังขนาด กว้าง
5 เมตร ยาว 5 เมตร และสูง 6 เมตร (รวมจากฐานถึงยอด 12 เมตร) และเริ่มขอบริจาคไม้เสาจากพี่น้องชาวโพนสวาง
จากนั้นได้เสนอโครงการต่อคณะกรรมการบริหารที่มาตรวจเยี่ยมวัดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
การก่อสร้างหอระฆังไม้เริ่มขึ้นเมื่อมีการตั้งเสาเอก
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร
และเสาบริวารขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50-60 เซนติเมตรอีกสี่ต้น
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ.
2555) การก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อการก่อสร้างศาลา “ศานติคาม”
ที่สุสานแล้วเสร็จ เนื่องจากใช้ช่างชุดเดียวกัน นำโดย ช่างเกิ้น ช่างเถิง ช่างวีและช่างเปิง
ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นชาวนา
ดังนั้นเมื่อถึงฤดูทำนาจึงต้องหยุดการก่อสร้างทุกอย่าง เพื่อทำการปักดำหรือเก็บเกี่ยว
การก่อสร้างเริ่มขึ้นอย่างจริงจังเมื่อวันที่
26
สิงหาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) และดำเนินเรื่อยมาจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) จากนั้นพี่น้องชาวนาบัวได้มาช่วยกันปรับพื้นที่และประดับตกแต่งหอระฆังให้สวยงาม
กระทั่งมีพิธีเฉลิมฉลองหอระฆังใหม่และเตรียมฉลองวัด ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2556) ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่และวันสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีของพระเป็นเจ้า
ก่อนหน้าจะเริ่มพิธีบูชาขอบพระคุณเตรียมจิตใจ
โดยคุณพ่อเทพณรงค์ พุดสา ได้เกิดสิ่งที่น่าประหลาดใจขึ้น
กล่าวคือระฆังชั่วคราวที่นำไปแขวนบนหอระฆังใหม่ได้ดังขึ้น 1 ที ทุกคนเข้าใจว่าคุณพ่อเจ้าอาวาสเป็นคนตีระฆัง
ส่วนคุณพ่อเจ้าอาวาสเข้าใจว่าเด็กไปดึงสายตีระฆังเล่น จึงเดินไปดูได้พบกับนายรักทรง
ยาสาไชยและนายพรหมมา พรหมเทพ ยืนคุยกันอยู่ข้างหอระฆัง กำลังพูดกันถึงเสียงระฆังที่ได้ยิน
นายรักทรง ยาสาไชย ยืนยันว่าได้มองดูระฆังและเห็นลูกระฆังตีอย่างชัดเจน
แต่ไม่เห็นมีใครอยู่ในบริเวณดังกล่าว ส่วนบรรดาแม่ครัวที่อยู่บริเวณศาลา
มองมาที่หอระฆังเห็นคนใส่ชุดขาวอยู่ข้างบน ต่างเข้าใจว่าคุณพ่อเจ้าอาวาสเป็นคนตี
คุณพ่อเจ้าอาวาสได้บอกพี่น้องชาวโพนสวางว่า
นี่คือเครื่องหมายแห่งพระพรของพระเจ้าที่แสดงให้เห็นว่า บรรดาญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วรับรู้และร่วมยินดีกับพวกเราที่ได้หอระฆังใหม่
คนที่ใส่ชุดขาวที่พวกเราบางคนเห็นคงจะเป็นคุณพ่ออินตา นันสีทอง
ผู้บุกเบิกและก่อสร้างวัดหลังแรกในช่วงปี ค.ศ. 1957-1966 (พ.ศ. 2500-2509) ดังนั้น หอระฆังไม้หลังนี้จึงได้ชื่อว่า
หอระฆัง “นันสีทอง” เพื่อเป็นเกียรติและน้อมรำลึกพระคุณของคุณพ่ออินตา
นันสีทอง ผู้มีคุณูปการใหญ่หลวงสำหรับวัดพระนามเยซู
โพนสวางและคริสตชนชาวโพนสวางทุกคน
วันรุ่งขึ้น
วันพุธที่ 2 มกราคม
ค.ศ. 2012
(พ.ศ. 2556) คุณพ่อวีระเดช ใจเสรี อุปสังฆราชได้มาเป็นประธานเสกกองข้าว เสกกางเขนใหญ่ (ที่จะนำไปประดิษฐานที่ศาลา
“ศานติคาม” ที่สุสาน) และเสก-เปิดหอระฆัง “นันสีทอง” พร้อมกับคุณพ่อพรทวี
โสรินทร์ หัวหน้าเขตตะวันตก คุณพ่อสุรพงศ์ นาแว่น ผู้อำนวยการฝ่ายปกครองวัด
คณะสงฆ์และพี่น้องคริสตชนโพนสวาง นาบัว ดอนทอยและจากที่ต่างๆ
ที่มาร่วมความชื่นชมยินดีและเป็นสักขีพยานในการเสกหอระฆังใหม่ในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
ในพิธีบูชาขอบพระคุณ
คุณพ่อวีระเดช ใจเสรี ได้กล่าวชื่นชมในความสมัครสมานสามัคคีของพี่น้องชาวโพนสวางในการร่วมใจกันสร้างหอระฆังไม้จนสำเร็จ
ประการสำคัญ นามชื่อวัดของเราคือ “วัดพระนามเยซู”
มีเพียงแห่งเดียวในสังฆมณฑลและมีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ถือเป็นชื่อที่มีความหมายและคุณค่ายิ่งใหญ่เพราะ
“พระนามเยซู” เป็นชื่อที่นำความรอดพ้นและความรักมาสู่เราทุกคน เป็นชื่อที่เราต้องออกพระนามและประกาศทุกวันในชีวิตของเรา
เพื่อให้พระองค์อวยพระพรเราและทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักผ่านทางชีวิตของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
4 มกราคม 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น