วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พระจิตเจ้าในชีวิตคริสตชน


พระจิตเจ้าในชีวิตคริสตชน

วันอาทิตย์
สมโภชพระจิตเจ้า
ปี A B C
กจ 2:1-11
1 คร 12:3-7, 12-13
ยน 20:19-23

บทนำ

เมื่อร้อยปีก่อน เรือใบลำหนึ่งได้แล่นออกจากชายฝั่งทวีปอเมริกาใต้ หลายอาทิตย์ผ่านไปเรือลำนี้จอดสงบนิ่งอยู่กลางทะเลเนื่องจากไม่มีลม กับต้นเรือรู้สึกสิ้นหวังและลูกเรือกำลังจะตายเพราะกระหายน้ำเนื่องจากน้ำจืดหมด ทันใดนั้นเองปรากฏเรือกลไฟลำหนึ่งแล่นตรงมายังพวกเขา เมื่อเรือลำนั้นแล่นเข้ามาใกล้ กับตันเรือได้ร้องขอความช่วยเหลือ “เราต้องการน้ำ ขอน้ำดื่มให้พวกเราด้วย” มีเสียงตอบมาจากเรือกลไฟว่า “จงหย่อนถังลงไปในน้ำตรงบริเวณที่พวกคุณอยู่”

กับตันเรือรู้สึกโมโหในความไม่มีน้ำใจของเรือลำนั้น แต่ยังแข็งใจอ้อนวอนอีกครั้งว่า ได้โปรด ขอน้ำดื่มให้พวกเราด้วย” แต่เรือกลไฟตอบกลับมาเช่นเดิมว่า “หย่อนถังลงไปในน้ำตรงบริเวณที่พวกคุณอยู่” และแล่นเรือผ่านเลยไป กัปตันเรือโมโหมากและรู้สึกหมดหวัง เขาเดินไปท้ายเรือ เมื่อไม่มีใครเห็น เขาได้หย่อนถังลงไปและตักน้ำขึ้นมาดื่ม เขาพบว่าเป็นน้ำจืดที่รสชาติดีมาก นั่นแสดงว่าเรือของเขากำลังลอยอยู่กลางทะเลบริเวณปากแม่น้ำอะเมซอน (แม่น้ำที่ใหญ่และยาวที่สุดในทวีปอเมริกาใต้) น้ำดื่มบริสุทธิ์อยู่ใต้เรือของพวกเขานั่นเอง

บ่อยครั้ง สิ่งที่พวกเรากำลังต้องการและแสวงหาอยู่ภายในตัวเรานั่นเอง เช่นเดียวกับองค์พระจิตเจ้าซึ่งเจริญชีวิตอยู่ภายในตัวเรา ตั้งแต่วินาทีแรกแห่งชีวิตของเรา พระจิตเจ้าตรัสกับเราในขณะนี้เช่นเดียวกันว่า “จงเปิดใจของเราและมองดูเถิด” พระจิตเจ้าทรงประทับอยู่ในส่วนลึกแห่งจิตใจของเรา และบันดาลให้เราเร่าร้อนไปด้วยไฟแห่งความรักของพระองค์

วันนี้ทั้งชาวยิวและเราคริสตชนฉลองวันที่ห้าสิบ (Pentacost) หลังการสมโภชปัสกา “วันเปนเตกอสเต” ในภาษากรีกหมายถึง “วันที่ห้าสิบ” สำหรับชาวยิวถือเป็นวันฉลองการขอบพระคุณพระเจ้าหลังฤดูเก็บเกี่ยว อีกทั้ง เป็นการระลึกถึงการกระทำพันธสัญญาระหว่างพระยาเวห์กับโนอาห์ หลังห้าสิบวันของการเกิดน้ำท่วมใหญ่ และพันธสัญญาที่ทรงกระทำกับประชากรอิสราแอลผ่านทางโมเสสบนภูเขาซีนาย (อพย 20) ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ห้าสิบหลังการอพยพออกจากแผ่นดินอียิปต์

สำหรับเราคริสตชน วันนี้เป็นวันฉลองพระจิตเสด็จลงมาเหนือบรรดาอัครสาวกเป็นรูปเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้น อีกทั้ง เป็นวันฉลองการถือกำเนิดของพระศาสนจักร ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในวันที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมา (ภายหลังได้รับพระจิตเจ้าเปโตรได้เริ่มประกาศเทศน์สอนมีคนกลับใจรับศีลล้างบาป 3 พันคน) และเป็นวันฉลองการก่อตั้งพันธสัญญาใหม่ของพระเยซูเจ้ากับพระศาสนจักร ซึ่งเป็นประชากรอิสราแอลใหม่ที่มีบรรดาอัครสาวกเป็นรากฐาน

1.           พระจิตเจ้าในชีวิตคริสตชน

นักบุญเปาโลกล่าวว่า “หากพระจิตเจ้าไม่ทรงดลใจก็ไม่มีผู้ใดพูดได้ว่า พระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้า (1 คร 12:3) ดังนั้น เมื่อเราบอกว่าเราเชื่อในพระเยซูเจ้า นั่นคือเครื่องหมายแห่งการทำงานของพระจิตเจ้าในตัวเรา พระจิตเจ้าได้ประทานพระพรหลายอย่างให้กับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระพรแห่งการทำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน “เดชะพระจิตเจ้าองค์เดียว เราทุกคนจึงได้รับการล้างมารวมเป็นร่ายกายเดียวกัน” (1 คร 12:13) พระจิตเจ้าทรงทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าและผู้อื่น

พระจิตเจ้ามีบทบาทหลายอย่างในชีวิตคริสตชน: 1) ในฐานะผู้ดำรงอยู่ในตัวเรา ทรงทำให้เราเป็นวิหารที่มีชีวิตของพระองค์ (1 คร 3:16), 2) ในฐานะผู้ทำให้เข้มแข็ง ทรงทำให้เราสามารถต่อสู้เอาชนะการประจญในการเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าในชีวิต, 3) ในฐานะผู้ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงบันดาลให้เราศักดิ์สิทธิ์ผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ, 4) ในฐานะผู้สอนและนำทาง ทรงทำให้เราเข้าใจถึงคำสอนของพระเยซูเจ้า, 5) ในฐานะผู้ฟังและตรัสสอน ทรงฟังคำภาวนาของเราและตรัสกับเราผ่านทางพระคัมภีร์ และ 6) ในฐานะผู้ประทานพระพร ทรงประทานพระคุณต่างๆ และบันดาลให้เราเกิดผล

ทุกวันนี้พระจิตเจ้ายังทรงทำงานในตัวเราและพระศาสนจักร ทรงทำให้พระศาสนจักรเติบโตแผ่ขยายไปทั่วโลกและเป็นปึกแผ่นมั่นคง นี่คือผลงานของพระจิตเจ้าซึ่งถือเป็นอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ พระศาสนจักรเริ่มต้นจากศิษย์เพียงหยิบมือเดียว ซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้มีการศึกษาอะไรมาก หากนี่มิใช่ผลงานของพระจิตเจ้า ทุกอย่างคงจบสิ้นตั้งแต่วันที่อาจารย์ของพวกเขาจากไปแล้ว แต่นี่คืองานของพระจิตเจ้าจึงไม่มีใครหยุดยั้งได้ จุดที่มีการเบียดเบียนศาสนารุนแรงอย่างกรุงโรม ได้กลายเป็นศูนย์กลางของพระศาสนจักร

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระจิตเจ้าที่เราสมโภชและบทอ่านในวันนี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ

ประการแรก เราต้องให้พระจิตเจ้านำทางชีวิตเรา เราได้รับพระจิตเจ้าแล้วตั้งแต่วันที่เราได้รับศีลล้างบาปและศีลกำลัง: 1) เราต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระจิตเจ้าในตัวเรา, 2) ให้พระจิตเจ้าบันดาลความเข้มแข็งในการเอาชนะการประจญ, 3) แสวงหาความช่วยเหลือของพระจิตเจ้าในความคิด วาจาและการกระทำ และ4) ฟังเสียงของพระจิตเจ้าที่ตรัสกับเราผ่านทางพระคัมภีร์และคำแนะนำที่ดีต่างๆ

ประการที่สอง เราต้องดำเนินชีวิตในการให้อภัย พระเยซูเจ้าทรงเป่าลมเหนือบรรดาอัครสาวกและประทานอำนาจในการอภัยบาป ดังนั้น เราควรมีท่าทีแห่งการให้อภัยในการปฏิบัติต่อผู้อื่น เราถูกท้าทายให้แสดงออกต่อกันด้วยความรัก ความอดทน ความใจกว้างและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การเรียนรู้ที่จะให้อภัยเป็นสิ่งที่เราต้องทำตลอดชีวิต เพื่อเราจะสามารถเป็นตัวแทนของพระจิตเจ้าผู้ให้อภัยบาป

ประการที่สาม เราต้องดำเนินชีวิตในพระพรของพระจิต ผู้บันดาลให้เราร้อนรนด้วยไฟแห่งความรักของพระเจ้า พร้อมที่จะอุทิศตนเพื่อพระศาสนจักร พร้อมที่จะสร้างสันติสุขเพื่อขจัดความขัดแย้งให้หมดสิ้นไป พร้อมที่จะนำความสุขของพระเจ้าไปสู่ผู้ยากจนและถูกทอดทิ้ง และพร้อมที่จะใช้พระพรต่างๆ ที่เราได้รับเพื่อประโยชน์ของเพื่อนพี่น้อง “พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าองค์เดียว” (1 คร 12:4)

บทสรุป

พี่น้องที่รัก วันนี้เราฉลองการถือกำเนิดของพระศาสนจักร พระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า ในพระกายทิพย์นี้เราได้รับการล้างและการเจิมด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ผ่านทางศีลล้างบาปและศีลกำลังเราได้รับพระจิตเจ้าเหมือนดังที่บรรดาอัครสาวกได้รับในวันเปนเตกอสเต และเช่นเดียวกับบรรดาอัครสาวก เราได้รับมอบพันธกิจให้สานต่องานของพระเยซูเจ้าในการทำให้อาณาจักรของพระเจ้าเกิดขึ้นในโลก นี่คือ พันธกิจและการเรียกที่เราเฉลิมฉลองในวันนี้

พระวรสารวันนี้บอกเราว่า สันติสุขแท้คือการให้อภัย คืนดีกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ดังนั้น เราจึงต้องดำเนินชีวิตในความรักต่อกันและให้อภัยความผิดของกันและกันด้วยใจกว้าง ไม่คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกหรือดีกว่าคนอื่น เมื่อนั้นสันติสุขที่แท้จะบังเกิดขึ้น ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อพระจิตเจ้าคือบ่อเกิดแห่งความเป็นหนึ่งเดียว เราจึงต้องสร้างสรรค์ความเป็นหนึ่งเดียวให้เกิดขึ้น โดยเริ่มจากในครอบครัวของเรา ก่อนจะขยายไปสู่สังคมรอบข้าง เพื่อมุ่งสู่ความเป็นหนึ่งเดียวแท้จริงกับพระเจ้า อันเป็นเป้าหมายสุดท้ายของเราแต่ละคน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
25 พฤษภาคม 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น