เราออกเดินทางจากฮายางค่อนข้างช้าแต่เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงพอใจ โดยเฉพาะอาหารและการต้อนรับอันอบอุ่น เห็นได้จากยอดเงินเวียนถุงสำหรับพี่น้องชาวฮายางได้มากกว่า 3 หมื่นบาท ก่อนจะมุ่งหน้าสู่อ่าวฮาลอง (Halong Bay) มรดกโลกทางธรรมชาติที่งดงามและขึ้นชื่อของเวียดนาม ที่บรรดานักท่องเที่ยวที่มาเวียดนามจะมาเที่ยวชมสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งนี้ รวมถึงคณะของเราด้วย ถึงเวลานี้ทุกคนเริ่มปรับตัวกับอากาศที่หนาวเย็นและการเดินทางที่น่าตื่นเต้นหวาดเสียวบ้างแล้ว
ที่สุด เราได้มาถึงที่หมายคืออ่าวฮาลองอย่างปลอดภัย หลังจากรับประทานอาหารเย็น หลายคนได้ถือโอกาสหาซื้อเครื่องกันหนาวเพื่อรับมือกับอากาศที่หนาวของเวียดนามเย็น เนื่องจากฮาลองเป็นเมืองท่องเที่ยว ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างจึงแพง ล่ามจำเป็นของพวกเราคนหนึ่งจึงพูดติดตลกว่า “แบบนี้เบิร์ดก็ช่วยไม่ได้ (คำว่า “เบิด” ในภาษาเวียดนามแปลว่า “ลดหน่อย”) คงต้องใช้คาราบาวแล้วละ” เพราะต่อจนเหนื่อยแม่ค้ายังไม่ยอมลดราคาเลย ทำให้หลายคนจึงต้องซื้อเครื่องกันหนาวในราคาที่แพง แม้ไม่อยากจะซื้อแต่เป็นความจำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้าที่พักเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเที่ยวชมอ่าวฮาลองในวันรุ่งขึ้น
“อ่าวฮาลอง” เป็นอ่าวแห่งหนึ่งในอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ ทางตอนเหนือของเวียดนาม ใกล้ชายแดนติดกับประเทศจีน มีพื้นที่ทั้งหมด 1,500 ตารางกิโลเมตร และมีชายฝั่งยาว 120 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในจังหวัดกว่างนิงห์ (Quang Ninh) ห่างจากกรุงฮานอยไปทางตะวันออก 170 กิโลเมตร คำว่า “ฮาลอง” (Ha Long) ในภาษาเวียดนาม หมายถึง “มังกรร่อนลง” ในอ่าวมีเกาะเล็กเกาะน้อยโผล่พ้นน้ำทะเล จำนวน 1,969 เกาะ บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น
ตามตำนานพื้นบ้านเล่าว่า ในอดีตนานมาแล้วระหว่างที่ชาวเวียดนามกำลังต่อสู้กับกองทัพจีนผู้รุกราน เทพเจ้าได้ส่งกองทัพมังกรลงมาช่วยปกป้องแผ่นดินเวียดนาม มังกรเหล่านี้ได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลบริเวณที่เป็นอ่าวฮาลองปัจจุบัน ทำให้มีอัญมณีและหยกพุ่งกระเด็นออก อัญมณีเหล่านี้กลายเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่วอ่าว เป็นเกราะป้องกันผู้รุกรานทางธรรมชาติที่ดีเยี่ยม ทำให้ชาวเวียดนามปลอดภัยและปกป้องแผ่นดินของพวกเขาได้สำเร็จ ก่อตั้งเป็นประเทศเวียดนามในปัจจุบัน
อ่าวฮาลองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ที่ภูเก็ต ประเทศไทย ซึ่งเปรียบเสมือนประกาศนียบัตรที่รับรองคุณค่าและความสวยงามของอ่าวแห่งนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศเวียดนาม ต้องล่องเรือชมเพื่อจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก
เรือท่องเที่ยวในอ่าวฮาลอง ส่วนใหญ่เป็นเรือขนาดกลางมีห้องพักบนเรือ และมีการสร้างหัวมังกรไว้ที่หัวเรือ มีบางลำได้สร้างเป็นแบบเรือใบโบราณ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกลิ่นอายของการเดินเรือในอดีต คณะของเราได้เช่าเหมาเรือมังกร 3 ลำจากท่า เพื่อชมความงดงามที่แต่งแต้มด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่วางสลับเรียงรายดูแปลกตายิ่งนัก ในบริเวณเกาะใหญ่ที่หลบลมได้จะมีหมู่ชาวเลเหมือนบ้านเรา ที่มาอาศัยทำประมงหรือการเลี้ยงปลาในกระชังอยู่หลายแห่ง
เรือมังกรทั้งสามได้ทำคณะของพวกเราไปยังเกาะที่มีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ภายในคือ ถ้ำเด่าโก๋ (Dau Go) ภายในถ้ำประกอบไปด้วยโพรงหินขนาดใหญ่ 3 โพรง มีหินงอกและหินย้อยสวยงามมาก มีการใช้ไฟแสงสีเพื่อขับเน้นให้หินงอกหินย้อยดูเด่นและสวยงามตระการตายิ่งขึ้นไปอีก เรือทุกลำที่ออกจากท่าจะมาจอดที่เกาะนี้เป็นแห่งแรก ก่อนจะนำพวกเราล่องไปตามเกาะต่างๆ ผ่านเกาะหินลูกไก่สองเกาะ ซึ่งกำลังจิกกันอันเป็นสัญลักษณ์ของอ่าวฮาลอง
นับเป็นความโชคดีของคณะของเราที่วันนี้ (12 มกราคม) ท้องฟ้าเปิด ไม่มีหมอกหรือพายุฝนเหมือนวันก่อน ทำให้พวกเราสามารถออกจากท่าแล่นไปในอ่าว เพื่อชื่นชมและดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ของมรดกโลกแห่งนี้ได้ เราใช้เวลาอยู่บนท้องทะเลจีนใต้ในอ่าวฮาลองนี้นานพอสมควร รวมถึงการรับประทานอาหารเที่ยงบนเรือท่ามกลางมนต์เสน่ห์ที่สวยงามของฮาลองและบรรยากาศที่เป็นใจ ทำให้ทุกคนพึงพอใจที่ได้มีเวลาในการเก็บภาพและความประทับใจไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้ ก่อนที่เรือจะนำพวกเรากลับขึ้นฝั่งเพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม
Don Daniele ภาพ/รายงาน
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว15 มกราคม 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น