วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2568

พึงปฏิบัติต่อกันด้วยความสุภาพถ่อมตน

 

พึงปฏิบัติต่อกันด้วยความสุภาพถ่อมตน

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

ปี C

บสร 3:17-19, 27-29

ฮบ 12:18-19, 22-24

ลก 14:1, 7-14

บทนำ

พระอัครสังฆราชเปาโล เอมิล เลเฌร์ ดำรงตำแหน่งพระอัครสังฆราชแห่งมอนทรีออลตั้งแต่ปี 1950 ถึง 1968 และได้รับการสถาปนาเป็นพระคาร์ดินัลในปี 1953 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในแคนาดาและในพระศาสนจักรคาทอลิก และเป็นบุคคลที่ถ่อมตนและมีความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้ง กระทั่ง 20 เมษายน 1968 ท่านได้ลาออกจากตำแหน่งโดยได้รับอนุญาตพิเศษจากสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 และได้หายตัวไป หลายปีต่อมามีผู้พบท่านอาศัยอยู่ท่ามกลางคนโรคเรื้อน คนพิการ และคนทุกข์จนในหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในแอฟริกา

เมื่อนักข่าวชาวแคนาดาถามว่า “ทำไม” พระคาร์ดินัลเลเฌร์กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์แห่งยุคสมัยของเรา ที่ผู้คน 600 ล้านคนกินดีอยู่ดี ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ขณะที่ผู้คน 3,000 ล้านคนอดอยาก และทุกปีมีเด็กหลายล้านคนกำลังจะตายเพราะความหิวโหย พ่อแก่เกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ได้ สิ่งเดียวที่พ่อทำได้คือการอยู่ท่ามกลางพวกเขา ดังนั้น บอกชาวแคนาดาว่า คุณได้พบกับบาทหลวงชราผู้มีความสุขที่ยังคงเป็นบาทหลวงอยู่ท่ามกลางคนทุกข์ทรมาน พ่อมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่และพวกเขาอยู่ในใจของพ่อ”

พระวาจาของพระเจ้าสัปดาห์นี้พูดถึง “ความสุภาพถ่อมตน” หนังสือบุตรสิราสอนเราให้ทำทุกสิ่งด้วยความสุภาพถ่อมตน พระวรสารพระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้เลือกนั่งในที่สุดท้ายในงานเลี้ยงแล้วเราจะได้รับเกียรติ และทำดี หรือช่วยเหลือคนไม่สามารถตอบแทนเราได้ แล้วเราจะได้รับตอบแทนจากพระเจ้าผู้ชอบธรรม คนมีความสุภาพถ่อมตนย่อมเป็นที่รักของพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ความสุภาพถ่อมตนเป็นเหมือนความมืดเผยให้เห็นแสงแห่งสวรรค์

1.       พึงปฏิบัติต่อกันด้วยความสุภาพถ่อมตน

พระเยซูเจ้าได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านของหัวหน้าชาวฟาริสีผู้หนึ่ง พระองค์ทรงใช้โอกาสนี้สอนบทเรียนเกี่ยวกับพระอาณาจักร ทรงใช้เรื่องความสุภาพถ่อมตนเป็นเงื่อนไขสำคัญ สำหรับคำเชิญของพระเจ้าให้ไปร่วมงานเลี้ยงบนสวรรค์ ความสุภาพถ่อมตนต้องแสดงออกด้วยการตระหนักถึงความต่ำต้อยของตนต่อพระเจ้า และความจำเป็นในการได้รับความรอด จากการที่พระองค์ทรงสังเกตเห็นการทำผิดมารยาททางสังคมในงานเลี้ยงนั้น

พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาศิษย์ว่า ความสุภาพถ่อมตนแท้จริงคืออะไรและอันตรายของความหยิ่งจองหองคืออะไร “จงไปนั่งในที่สุดท้ายเถิด เพื่อเจ้าภาพที่เชิญท่านจะบอกท่านว่า เพื่อนเอ๋ย จงไปนั่งที่ดีกว่านี้เถิด (ลก 14:10) พระเยซูเจ้าคือแบบอย่างแห่งความสุภาพถ่อมตนของคริสตชน พระองค์ไม่ทรงตอบโต้เมื่อถูกเข้าใจผิด หรือแก้แค้นเมื่อถูกทรมาน “จงเลียนแบบอย่างจากเราเพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน” (มธ 11:29) ทั้งนี้ “เพราะทุกคนที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น” (ลก 14;110

ความสุภาพถ่อมตนสำหรับคริสตชนหมายถึง 1) การยอมรับผู้อื่นในฐานะบุตรของพระเจ้าและพี่น้องชายหญิงของเรา 2) การอุทิศตนรับใช้ด้วยความรักและการเสียสละผ่านการงานเมตตาจิตและการให้อภัย 3) การยอมรับตนเองอย่างที่เราเป็นเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า 4) การขอบคุณพระเจ้าที่ประทานพระพรและศักยภาพแก่เรา เพื่อรับใช้ผู้อื่นและถวายเกียรติแด่พระเจ้า และ 5) ช่วยเปิดตาใจเราให้มองเห็นและแบ่งปันสิ่งที่มีต่อคนยากจน คนขัดสน คนด้อยโอกาส และคนชายขอบของสังคมที่ไม่สามารถตอบแทนเราได้ (ดู ลก 14:13-14)

2.       บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราพึงปฏิบัติต่อกันด้วยความสุภาพถ่อมตน ทั้งนี้เพราะทุกสิ่งที่เรามีล้วนแล้วแต่เป็นของประทานจากพระเจ้า เราแต่ละคนต่างเป็นคนบาปและไม่สมบูรณ์ ไม่มีสิ่งไหนที่คู่ควรแก่ความภาคภูมิใจ แต่พระเจ้าทรงเรียกเราให้มีส่วนในการสร้างพระอาณาจักรของพระองค์ ด้วยพระพรต่าง ๆ ที่ประทานให้ และเลียนแบบพระเยซูเจ้า ผู้ทรงถ่อมพระองค์ลงจนถึงที่สุดคือการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน

ประการที่สอง เราต้องใส่ใจและปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยในสังคม พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้ติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลที่สังคมรังเกียจ อาทิ คนทุกข์จน คนถูกทอดทิ้ง และผู้ด้อยโอกาส ด้วยการปฏิบัติต่อเขาอย่างดีและช่วยเหลือด้วยความรักดุจพี่น้อง เพราะบุคคลเหล่านี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อีกทั้งไม่สามารถตอบแทนเราได้ด้วย ในอีกด้านหนึ่ง เราต้องไม่หยิ่งทะนงตนว่าดีกว่าคนอื่น หรือมองผู้อื่นอย่างเหยียดหยาม

ประการที่สาม เราต้องสำนึกในความต่ำต้อยของตน เราได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงแห่งสวรรค์ทุกวันอาทิตย์ เราต่างเป็นคนยากจน คนพิการ และทุพลภาพฝ่ายจิตใจ แต่พระเยซูเจ้ายังทรงรักและเชื้อเชิญเรา เราต้องสำนึกในบาปของตนอย่างนักบุญเปาโล “ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้” (1 ทม 1:15) หรือนักบุญฟรังซิส อัสซีซี “ไม่มีใครอีกแล้วที่จะน่าเกลียด น่าชิงชัง และน่าสังเวชเท่าตัวข้าพเจ้า” เพราะเมื่อเปรียบเทียบความดีของเรากับพระเจ้า เราไม่มีอะไรต้องอวดตัว

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องผู้ติดตามพระองค์ไม่ให้เลือกที่มีเกียรติในงานเลี้ยง และให้ปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยซึ่งไม่สามารถตอบแทนเราได้ ท่าทีเช่นนี้ตรงข้ามกับกระแสของโลกและทำได้ยาก เพราะเกียรติยศชื่อเสียงคือยอดปรารถนาของมนุษย์ทุกคน แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้ทำในสิ่งตรงข้าม สำหรับผู้เป็นศิษย์ของพระองค์ “เกียรติไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง แต่อยู่ที่การรับใช้” ดำเนินชีวิตโดยไม่คิดถึงตนเองและปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความรักเยี่ยงพระองค์

มีคำกล่าวว่า “พระเจ้ามีสองพระบัลลังก์คือแห่งหนึ่งในสวรรค์ชั้นสูงสุด อีกแห่งคือในหัวใจต่ำต้อยที่สุด” (D. L. Moody) พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า  ผู้มีใจสุภาพถ่อมตนเท่านั้นได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงแห่งสวรรค์ ศิษย์พระคริสต์พึงมีความสุภาพถ่อมตนในการปฏิบัติต่อผู้อื่น สำนึกในความต่ำต้อยของตน และเลียนแบบพระเยซูเจ้าผู้เป็นต้นแบบแห่งความสุภาพถ่อมตน ทั้งนี้เพราะ “ประตูสวรรค์นั้นเตี้ยมาก ไม่มีใครเข้าไปได้เว้นแต่คุกเข่าเข้าไปเท่านั้น”

คุณพ่อขวัญ  ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

30 สิงหาคม 2025

ภาพ : การเยี่ยมผู้ป่วย, พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี, วัดดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร; 2025-8-24

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น