วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561

จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์


จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์
ศุกร์
สัปดาห์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา
2 คร 11:18,21-30
มธ 6:19-23
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างทรัพย์สมบัติของโลกและทรัพย์สมบัติแห่งสวรรค์ ทรงสอนว่าทรัพย์สมบัติของโลกไม่ยั่งยืน อาจถูกสนิมและตัวขมวนทำลาย หรือถูกขโมยได้ (มธ 6:19) ขณะที่ทรัพย์สมบัติแห่งสวรรค์คงอยู่และติดตัวเราไปตลอด แม้จากโลกนี้ไปแล้ว ทรัพย์สมบัติแห่งสวรรค์คือหัวใจที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งไม่มีสิ่งใดในโลกมีอิทธิพลต่อใจเราได้
ทรัพย์สมบัติของโลกได้แก่ สิ่งที่เรายึดติด คำปลอบโยน ความเห็นของผู้อื่นเกี่ยวกับตัวเรา ความสำเร็จ ความมั่นคง ความภาคภูมิใจ สิ่งวัตถุภายนอก ฯลฯ ส่วนทรัพย์สมบัติแห่งสวรรค์ ได้แก่ ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำและเปิดเผยให้เราทราบ ซึ่งนักบุญเปาโลเน้นว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเข้าในพระอาณาจักรของพระเจ้า ได้แก่ ความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง (กท 5:22-23)
พระเยซูเจ้ามิได้ปฏิเสธทรัพย์สมบัติของโลกที่จำเป็นเพื่อการดำรงชีพ แต่ต้องไม่ยึดติดและไม่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต อีกทั้ง ต้องใช้เป็นเครื่องมือเพื่อแบ่งปันความรักกับเพื่อนมนุษย์ ช่วยเราให้รักพระเจ้าและผู้อื่นมากยิ่งขึ้น ประการสำคัญ ทุกสิ่งในโลกไม่ได้ทำให้เราพบความสุขแท้ แม้เรามีทุกสิ่งแต่ใจยังคงว่างเปล่า นักบุญเอากุสตินเป็นตัวอย่างของผู้ที่แสวงหาความสุขทุกรูปแบบ และที่สุดพบความจริงว่า “จิตใจข้าพเจ้าจะไม่ได้รับการพักผ่อน จนกว่าจะได้พิงพักอยู่ในพระองค์”
แม้มีทรัพย์สมบัติในโลกนี้มาก แต่ใจเรายังคงว่างเปล่าเหมือนคนตาบอด มองไม่เห็นทรัพย์สมบัติแท้จริง “ประทีปของร่างกายคือดวงตา ดังนั้น ถ้าดวงตาของท่านเป็นปกติดี ร่างกายของท่านก็จะสว่างไปด้วย” (มธ 6:23) คริสตชนต้องมีตาที่ไม่ละจากแสงสว่างแท้คือพระคริสตเจ้า ศิษย์พระคริสต์ต้องหันดวงใจไปหาพระเจ้าผู้เป็นขุมทรัพย์แห่งสวรรค์ ปฏิบัติตามคำแนะนำของพระเยซูเจ้าในการสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์ ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ และกิจการดีทุกอย่างที่เราทำเพื่อผู้อื่น
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
21 มิถุนายน 2018
ที่มาภาพ : http://paolaserra97.blogspot.com/2015/06/dal-vangelo-secondo-matteo-mt-6-19-23.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น