พระเมตตาหาที่สุดมิได้
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา ปี A
ฉลองพระเมตตา
|
กจ 2:42-47
1 ปต
1:3-9
ยน 20:19-31
|
บทนำ
วันที่
30
เมษายน ค.ศ. 2000 ในสัปดาห์ที่สองของเทศกาลปัสกา พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ได้แต่งตั้งบุญราศีโฟสตินาเป็นนักบุญ (นักบุญยอห์นปอลที่ 2 ได้รับแต่งตั้งเป็นนักบุญในวันฉลองเดียวกันนี้ 27 เมษายน
2014) ซึ่งนักบุญโฟสตินานี้ได้เป็นพยานด้วยชีวิตของเธอ
เพื่อให้เราได้รักษาความเชื่อและความหวังในพระเจ้าพระบิดา
ผู้ทรงพระเมตตาอย่างล้นเหลือและทรงช่วยเราให้รอดด้วยพระโลหิตของพระบุตรพระองค์
นักบุญโฟสตินาได้กลายเป็นธรรมทูตแห่งพระเมตตา
ซึ่งตลอดช่วงชีวิตสั้นๆ ของเธอ พระเยซูเจ้าได้มอบหลักปฏิบัติพื้นฐาน 3 ประการในการนำไปปฏิบัติ: 1) ภาวนาเพื่อวิญญาณทั้งหลายจะได้วางใจในพระเมตตาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ของพระเจ้า;
2) บอกให้โลกได้รับรู้ถึงพระเมตตาอันอุดมของพระเจ้า;
3) ให้เริ่มก่อตั้งกลุ่มพระเมตตาในพระศาสนจักร
ในวันประกาศแต่งตั้งนักบุญโฟสตินา
นักบุญยอห์นปอลที่ 2 ตรัสว่า “ไม้กางเขนได้พูดและไม่เคยหยุดกล่าวถึงพระเจ้าพระบิดา
ผู้ทรงซื่อสัตย์ต่อความรักนิรันดร์ที่ทรงมีต่อมนุษย์
...การเชื่อในความรักนี้หมายถึงการเชื่อในพระเมตตา”
รูปพระเมตตาที่พระองค์ทรงเปิดเผยแก่นักบุญโฟสตินา (ด้วยการยกพระหัตถ์ขวาอวยพร
พระหัตถ์ซ้ายแตะที่ดวงพระหฤทัยที่มีรังสีสีแดงและสีขาวพุ่งออกมา) เป็นสัญลักษณ์ของพระเมตตา
การให้อภัยและความรักของพระเจ้า
1.
พระเมตตาหาที่สุดมิได้
ในตอนแรกของพระวรสารวันนี้
พระเยซูเจ้าได้ปรากฏพระองค์ให้บรรดาอัครสาวกได้เห็นและทรงมอบสันติสุขแก่พวกเขา
เพื่อให้กำลังใจพวกเขาในการสานต่อพันธกิจการประกาศ ข่าวดีแห่งความรัก พระเมตตา และการให้อภัยของพระเจ้า พระองค์ทรงใช้พระศาสนจักรในการสานต่อพันธกิจของพระองค์ในโลก
และพระศาสนจักรต้องการพระองค์ผู้ทรงเป็นแหล่งพลังและอำนาจสำหรับพันธกิจนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักและเชื่อฟังพระองค์เพื่อจะเป็นผู้ส่งข่าวที่แท้จริง
องค์พระเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพได้ประทานอำนาจยกบาปในนามของพระองค์แก่อัครสาวก
เพื่อพวกเขาจะได้มีส่วนในพระเมตตาของพระเจ้าต่อคนบาป
ซึ่งพระศาสนจักรได้ประกาศพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางพระวาจาพระเจ้า และพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้าในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลาช้านาน
อีกทั้งเตือนเราให้เชื่อในการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพท่ามกลางเรา
ผ่านทางการให้อภัยความผิดของผู้อื่น
ในตอนที่สองของพระวรสาร แสดงให้เห็นถึงความสงสัยของนักบุญโทมัส
ซึ่งไม่ได้อยู่กับบรรดาอัครสาวกในวันที่พระเยซูเจ้าปรากฏมา
ท่านจึงไม่เชื่อสิ่งที่คนอื่นเล่าให้ฟัง ความสงสัยของท่านเป็นแบบอย่างของคนที่แสวงหาความจริงและมีประสบการณ์ด้วยตนเอง (นักบุญโทมัสจึงเป็นองค์อุปถัมภ์ของนักวิทยาศาสตร์)
และหายสงสัยเมื่อได้พบพระเยซูเจ้า เราคริสตชนแม้ไม่ได้เห็นพระองค์ด้วยตา แต่เชื่อเพราะสิ่งที่เราได้ยิน อย่างที่นักบุญเปาโลบอกว่า
“ความเชื่อมาจากการฟัง” (รม 10:17) และมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระองค์
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ได้ให้บทเรียนสำหรับเราคริสตชน
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันหลายประการ
ประการแรก
เราต้องปฏิบัติตนบนพื้นฐานของความเมตตาของพระเจ้า
พระศาสนจักรเฉลิมฉลองพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดี
การหมั่นมารับศีลอภัยบาปจึงเป็นหนทางที่เราจะดำเนินชีวิตในความเมตตาของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าบอกเราว่า “จงเป็นผู้เมตตากรุณา ดังที่พระบิดาของท่านทรงเมตตากรุณา”
(ลก 6:36) เราจึงต้องแสดงความเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องทุกที่ทุกเวลา
ทั้งในคำพูด กิจการและการภาวนา ด้วยการปฏิบัติความเมตตาในชีวิตประจำวันเท่านั้น
เราจึงจะได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า
ประการที่สอง
เราต้องรักและรับใช้เพื่อนมนุษย์ทุกคน
การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อช่วยเราให้สามารถมองเห็นพระคริสตเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพในทุกคน
และช่วยเราให้มีความปรารถนาจะรับใช้กันและกันด้วยความรัก คุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา
ได้ใช้แนวทางนี้ในการสอนสมาชิก “ถ้าเราภาวนา เราจะเชื่อ; ถ้าเราเชื่อ เราจะรัก; ถ้าเรารัก เราจะรับใช้
ซึ่งเป็นการทำให้ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าปรากฏเป็นจริงในกิจการ”
ประการที่สาม
เราต้องแสดงความเมตตาด้วยการแบ่งปันสิ่งที่เรามีแก่ผู้อื่น เรื่องราวกลุ่มคริสตชนแรกที่เราได้ยินในบทอ่านแรก บอกให้เราทราบว่าพวกเขาได้นำที่สิ่งที่ตนเองมีมาวางเป็นกองกลาง
เพื่อให้บรรดาอัครสาวกแบ่งปันแก่ผู้ขัดสนและต้องการความช่วยเหลือ
นี่คือเครื่องหมายแห่งความเมตตาของพระเจ้าในภาคปฏิบัติ
ที่ทุกคนปฏิบัติต่อกันอย่างพี่น้อง ในกลุ่มคริสตชนแรกจึงไม่มีใครขัดสน
และนี่คือหนทางที่ทำให้พวกเขามีสันติสุขแท้
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
ทุกครั้งที่เรามอบสันติสุขให้แก่กันในพิธีบูชาขอบพระคุณ
ขอให้เป็นการแสดงออกถึงท่าทีแห่งความเมตตา การให้อภัยและการมอบสันติสุขที่แท้จริงจากใจเราแก่กันและกัน
สันติสุขจะบังเกิดขึ้นในใจเราก็ต่อเมื่อ
§ เราได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งความรักที่พระเจ้าประทานให้แก่เรา
“ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน
...ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” (มก
12:30-31)
§
เราได้ใส่ใจในความต้องการของเพื่อนพี่น้อง
“ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง
ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40)
ให้เราได้สานต่อพันธกิจของพระเยซูเจ้า
ในงานเมตตากิจ งานแห่งความรักและการให้อภัยไม่สิ้นสุดในชีวิตประจำวันของเรา
เพื่อเราจะได้เป็นเครื่องมือในการสร้างสันติสุขในสังคมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
และความแตกแยกรุนแรงมีการแบ่งสีเลือกข้างอย่างในปัจจุบัน เพื่อช่วยกันสร้างสันติสุขให้บังเกิดขึ้นในครอบครัว
หมู่คณะและบ้านเมืองของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
Danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
26 เมษายน 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น