วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

พระเมตตาหาที่สุดมิได้



พระเมตตาหาที่สุดมิได้
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา ปี A
ฉลองพระเมตตา
กจ 2:42-47
1 ปต 1:3-9
ยน 20:19-31
บทนำ
วันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2000 ในสัปดาห์ที่สองของเทศกาลปัสกา พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ได้แต่งตั้งบุญราศีโฟสตินาเป็นนักบุญ (นักบุญยอห์นปอลที่ 2 ได้รับแต่งตั้งเป็นนักบุญในวันฉลองเดียวกันนี้ 27 เมษายน 2014) ซึ่งนักบุญโฟสตินานี้ได้เป็นพยานด้วยชีวิตของเธอ เพื่อให้เราได้รักษาความเชื่อและความหวังในพระเจ้าพระบิดา ผู้ทรงพระเมตตาอย่างล้นเหลือและทรงช่วยเราให้รอดด้วยพระโลหิตของพระบุตรพระองค์
นักบุญโฟสตินาได้กลายเป็นธรรมทูตแห่งพระเมตตา ซึ่งตลอดช่วงชีวิตสั้นๆ ของเธอ พระเยซูเจ้าได้มอบหลักปฏิบัติพื้นฐาน 3 ประการในการนำไปปฏิบัติ: 1) ภาวนาเพื่อวิญญาณทั้งหลายจะได้วางใจในพระเมตตาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ของพระเจ้า; 2) บอกให้โลกได้รับรู้ถึงพระเมตตาอันอุดมของพระเจ้า; 3) ให้เริ่มก่อตั้งกลุ่มพระเมตตาในพระศาสนจักร
ในวันประกาศแต่งตั้งนักบุญโฟสตินา นักบุญยอห์นปอลที่ 2 ตรัสว่า “ไม้กางเขนได้พูดและไม่เคยหยุดกล่าวถึงพระเจ้าพระบิดา ผู้ทรงซื่อสัตย์ต่อความรักนิรันดร์ที่ทรงมีต่อมนุษย์ ...การเชื่อในความรักนี้หมายถึงการเชื่อในพระเมตตา” รูปพระเมตตาที่พระองค์ทรงเปิดเผยแก่นักบุญโฟสตินา (ด้วยการยกพระหัตถ์ขวาอวยพร พระหัตถ์ซ้ายแตะที่ดวงพระหฤทัยที่มีรังสีสีแดงและสีขาวพุ่งออกมา) เป็นสัญลักษณ์ของพระเมตตา การให้อภัยและความรักของพระเจ้า

1.         พระเมตตาหาที่สุดมิได้
ในตอนแรกของพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ปรากฏพระองค์ให้บรรดาอัครสาวกได้เห็นและทรงมอบสันติสุขแก่พวกเขา เพื่อให้กำลังใจพวกเขาในการสานต่อพันธกิจการประกาศ ข่าวดีแห่งความรัก พระเมตตา และการให้อภัยของพระเจ้า พระองค์ทรงใช้พระศาสนจักรในการสานต่อพันธกิจของพระองค์ในโลก และพระศาสนจักรต้องการพระองค์ผู้ทรงเป็นแหล่งพลังและอำนาจสำหรับพันธกิจนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักและเชื่อฟังพระองค์เพื่อจะเป็นผู้ส่งข่าวที่แท้จริง
องค์พระเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพได้ประทานอำนาจยกบาปในนามของพระองค์แก่อัครสาวก เพื่อพวกเขาจะได้มีส่วนในพระเมตตาของพระเจ้าต่อคนบาป ซึ่งพระศาสนจักรได้ประกาศพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางพระวาจาพระเจ้า และพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้าในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลาช้านาน อีกทั้งเตือนเราให้เชื่อในการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพท่ามกลางเรา ผ่านทางการให้อภัยความผิดของผู้อื่น
ในตอนที่สองของพระวรสาร แสดงให้เห็นถึงความสงสัยของนักบุญโทมัส ซึ่งไม่ได้อยู่กับบรรดาอัครสาวกในวันที่พระเยซูเจ้าปรากฏมา ท่านจึงไม่เชื่อสิ่งที่คนอื่นเล่าให้ฟัง ความสงสัยของท่านเป็นแบบอย่างของคนที่แสวงหาความจริงและมีประสบการณ์ด้วยตนเอง (นักบุญโทมัสจึงเป็นองค์อุปถัมภ์ของนักวิทยาศาสตร์) และหายสงสัยเมื่อได้พบพระเยซูเจ้า เราคริสตชนแม้ไม่ได้เห็นพระองค์ด้วยตา แต่เชื่อเพราะสิ่งที่เราได้ยิน อย่างที่นักบุญเปาโลบอกว่า “ความเชื่อมาจากการฟัง” (รม 10:17) และมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระองค์

2.         บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ได้ให้บทเรียนสำหรับเราคริสตชน ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันหลายประการ

ประการแรก เราต้องปฏิบัติตนบนพื้นฐานของความเมตตาของพระเจ้า พระศาสนจักรเฉลิมฉลองพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดี การหมั่นมารับศีลอภัยบาปจึงเป็นหนทางที่เราจะดำเนินชีวิตในความเมตตาของพระเจ้า พระเยซูเจ้าบอกเราว่า “จงเป็นผู้เมตตากรุณา ดังที่พระบิดาของท่านทรงเมตตากรุณา” (ลก 6:36) เราจึงต้องแสดงความเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องทุกที่ทุกเวลา ทั้งในคำพูด กิจการและการภาวนา ด้วยการปฏิบัติความเมตตาในชีวิตประจำวันเท่านั้น เราจึงจะได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า

ประการที่สอง เราต้องรักและรับใช้เพื่อนมนุษย์ทุกคน การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อช่วยเราให้สามารถมองเห็นพระคริสตเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพในทุกคน และช่วยเราให้มีความปรารถนาจะรับใช้กันและกันด้วยความรัก คุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา ได้ใช้แนวทางนี้ในการสอนสมาชิก ถ้าเราภาวนา เราจะเชื่อ; ถ้าเราเชื่อ เราจะรัก; ถ้าเรารัก เราจะรับใช้ ซึ่งเป็นการทำให้ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าปรากฏเป็นจริงในกิจการ

ประการที่สาม เราต้องแสดงความเมตตาด้วยการแบ่งปันสิ่งที่เรามีแก่ผู้อื่น เรื่องราวกลุ่มคริสตชนแรกที่เราได้ยินในบทอ่านแรก บอกให้เราทราบว่าพวกเขาได้นำที่สิ่งที่ตนเองมีมาวางเป็นกองกลาง เพื่อให้บรรดาอัครสาวกแบ่งปันแก่ผู้ขัดสนและต้องการความช่วยเหลือ นี่คือเครื่องหมายแห่งความเมตตาของพระเจ้าในภาคปฏิบัติ ที่ทุกคนปฏิบัติต่อกันอย่างพี่น้อง ในกลุ่มคริสตชนแรกจึงไม่มีใครขัดสน และนี่คือหนทางที่ทำให้พวกเขามีสันติสุขแท้

บทสรุป
พี่น้องที่รัก ทุกครั้งที่เรามอบสันติสุขให้แก่กันในพิธีบูชาขอบพระคุณ ขอให้เป็นการแสดงออกถึงท่าทีแห่งความเมตตา การให้อภัยและการมอบสันติสุขที่แท้จริงจากใจเราแก่กันและกัน สันติสุขจะบังเกิดขึ้นในใจเราก็ต่อเมื่อ

§       เราได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งความรักที่พระเจ้าประทานให้แก่เรา ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน ...ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง (มก 12:30-31)

§     เราได้ใส่ใจในความต้องการของเพื่อนพี่น้อง ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา (มธ 25:40)

ให้เราได้สานต่อพันธกิจของพระเยซูเจ้า ในงานเมตตากิจ งานแห่งความรักและการให้อภัยไม่สิ้นสุดในชีวิตประจำวันของเรา เพื่อเราจะได้เป็นเครื่องมือในการสร้างสันติสุขในสังคมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และความแตกแยกรุนแรงมีการแบ่งสีเลือกข้างอย่างในปัจจุบัน เพื่อช่วยกันสร้างสันติสุขให้บังเกิดขึ้นในครอบครัว หมู่คณะและบ้านเมืองของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
Danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
26 เมษายน 2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น