ปัจฉิมนิเทศ
มีเรื่องเล่าว่า
เอียนหุย ซึ่งเป็นศิษย์ของขงจื้อไปซื้อของที่ตลาด พบพ่อค้ากำลังบอกลูกค้าว่า 8 x
3 = 23 เอียนหุยจึงแย้งว่า 8
x 3 = 24 สิ ทั้งสองเถียงกันอยู่นานถึงสิ่งที่ตนเองได้เรียนมา
ไม่มีใครยอมใคร เอียนหุยจึงพาพ่อค้าไปหาขงจื้อผู้เป็นอาจารย์ให้ช่วยตัดสิน
เอียนหุยบอกขงจื้อว่า
ถ้า 8
x 3 = 23 ผมจะยอมถอดยศ ถอดหมวก แต่ถ้า 8 x 3 = 24 พ่อค้าจะต้องถูกกุดหัว ได้ยินดังนั้น ขงจื้อจึงตัดสินว่า 8 x 3 =
23 เอียนหุยรู้สึกเสียใจมากที่อาจารย์ผู้เป็นที่เคารพตัดสินเช่นนั้น
คิดว่าอาจารย์คงแก่จนความจำเลอะเลือนเชื่อถือไม่ได้ จึงถอดหมวกเดินจากไปด้วยความฉุนเฉียว
แต่ก่อนจะจากไปขงจื้อได้บอกกับเอียนหุยว่า “เจ้าจงอย่าอยู่ใต้ต้นไม้
และถ้าคิดจะฆ่าใครเจ้าจงคิดให้ดี”
ระหว่างทางกลับบ้านฝนตกหนัก
เอียนหุยจึงวิ่งไปหลบใต้ต้นไม้ พอดีนึกถึงคำสอนของอาจารย์ “อย่าอยู่ใต้ต้นไม้”
จึงรีบวิ่งออกไป ทันใดนั้นฟ้าได้ผ่าต้นไม้นั้น เอียนหุยตกใจมาก
แต่รู้สึกขอบคุณขงจื้อ นึกในใจว่าขงจื้อรู้ได้อย่างไรว่าจะเกิดเรื่องนี้ จากนั้นได้เดินทางกลับบ้าน
เนื่องจากดึกมากแล้วเขาไม่อยากรบกวนภรรยาจึงใช้มีดสะเดาะกลอนประตู
เอียนหุยคลำทางไปจนถึงห้องนอนและพบคน
2
คนนอนบนเตียง พลางคิดว่าภรรยาของตนกำลังนอนกับชู้รัก จึงบันดาลโทสะเงื้อมีดหมายแทงให้ตาย
แต่นึกถึงคำพูดของอาจารย์ “ถ้าคิดจะฆ่าใครจงคิดให้ดี”
เขาจึงจุดเทียนดูพบว่าคนที่นอนอยู่คือภรรยากับน้องสาวของเขาที่มานอนเป็นเพื่อน เขาคิดในใจว่าหากไม่เชื่อคำของขงจื้อคงจะมีคนตาย
2 คน คือภรรยาสุดที่รักและน้องสาวของเขาเอง
วันรุ่งขึ้นเอียนหุยจึงรีบเดินทางกลับไปหาขงจื้อ
เพื่อขอบคุณและถามว่า “ทำไมจึงตัดสินเช่นนั้นและรู้ได้อย่างไรว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น”
ขงจื้อจึงอธิบายว่า “ถ้าข้าตัดสินว่า 8 x 3 = 24 พ่อค้าคนนั้นคงต้องตาย” ที่ต้องตัดสินเช่นนั้นเพื่อมิให้ใครต้องตาย
แม้จะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องตามหลักคณิตศาสตร์ แต่คุณธรรมต่างหากที่ถูกต้องและเป็นหลักสำคัญในการดำเนินชีวิต
เป็นความจริงว่าไม่มีใครอยากเป็นผู้แพ้ เพราะเข้าใจว่า “ไม่มีที่ยืนสำหรับผู้แพ้”
ในสังคม ทุกคนจึงต้องการที่เป็นผู้ชนะ ทำให้ชัยชนะกลายเป็นสิ่งหอมหวาน
แต่ในชีวิตจริงยังมีอีกหลายแง่มุมที่เราต้องตระหนัก อาทิ
·
ทะเลาะกับลูกค้า
ต่อให้ชนะก็แพ้อยู่ดี
·
ทะเลาะกับผู้ใหญ่
ต่อให้ชนะก็แพ้อยู่ดี
·
ทะเลาะกับเพื่อน
ต่อให้ชนะก็แพ้อยู่ดี
·
ทะเลาะกับภรรยา
ต่อให้ชนะก็แพ้อยู่ดี
· ทะเลาะกับนาย
ต่อให้ชนะก็แพ้อยู่ดี
เราคงจำคำกล่าวของพระคุณเจ้าจำเนียร
สันติสุขนิรันดร์ ในวันบัณฑิตน้อยได้ “ทุกคนที่จบจากสถาบันแห่งนี้ ต่างมีนามสกุลเดียวคือ
เซนต์ยอแซฟ” นักบุญยอแซฟ องค์อุปถัมภ์ของโรงเรียนของเราได้ชื่อว่าเป็น “บุรุษผู้ชอบธรรม”
เราทราบดีถึงคุณธรรมของท่านจากชื่อ “JOSEPH” ที่พ่อพูดถึงบ่อยครั้ง
J: Justice (ความยุติธรรม)
เราจะต้องมีความยุติธรรมในชีวิต ประพฤติตนในหนทางที่ถูกต้องและชอบธรรม
O: Obedience (ความนอบน้อมเชื่อฟัง) เราจะต้องเคารพเชื่อฟังครูอาจารย์และบิดามารดาของเรา
S: Silence (ความเงียบ)
เราต้องรักษาความเงียบ มีสติ และฟังครูผู้สอนของเราอย่างตั้งใจ
E: Experience (ความสัดทัดจัดเจน) เราต้องเรียนรู้ด้วยการกระทำ เพื่อเราจะได้มีประสบการณ์และทักษะที่เป็นเลิศในชีวิต
P: Prudence (ความฉลาดรอบคอบ) เราต้องมีไหวพริบปฏิภาณและการตัดสินใจที่รอบคอบ
H:
Humility (ความสุภาพถ่อมตน) เราต้องเป็นคนสุภาพและเรียบง่ายในชีวิต
ไม่หยิ่งทะนงตน มีจิตใจถ่อมตน ตระหนักในคุณค่าของตนเองและผู้อื่น
เราเป็นศิษย์เซนต์ยอแซฟ
รุ่นที่ 9
“เลข 9” หมายถึง ก้าวหน้าและก้าวย่าง
ดังนั้น “ก้าวหน้า” จึงเหมาะสมที่จะเป็นชื่อรุ่นของเรา “SJKCN รุ่นก้าวหน้า” เพื่อจะก้าวหน้าในชีวิตและมีก้าวย่างที่มั่นคง
เราต้องเลียนแบบคุณธรรมของนักบุญยอแซฟ ขอท่านนักบุญยอแซฟได้ปกป้องคุ้มครองและอวยพรทุกคน
ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในความรักต่อกันและประสบความสำเร็จในชีวิต ตามที่มุ่งหวังทุกประการ
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขีสองคอน
6
มีนาคม 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น