พระเยซูเจ้า: แหล่งน้ำทรงชีวิต
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 3 ปี A
วันที่ 19 เทศกาลมหาพรต
|
อพย 17:3-7
รม 5:1-2,5-8
ยน 4:5-15, 19ข-26,
39ก, 40-42
|
บทนำ
ในปี ค.ศ. 1888 ชายคนหนึ่งรู้สึกตกใจที่อ่านพบข่าวการตายของตัวเองในหน้าหนังสือพิมพ์
ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดและเข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม
เขารู้สึกตกใจมากกว่าอีกที่หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นบรรยายว่า
เขาเป็นคนค้นพบวิธีใหม่ในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์
และสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเองจากสิ่งที่ตนเองประดิษฐ์คิดค้น
เขาเป็นคนประดิษฐ์ระเบิดไดนาไมต์และร่ำรวยจากสิ่งประดิษฐ์นี้ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในหน้าหนังสือพิมพ์
ทำให้เขาได้คิดว่าหากเขาตายไปจริงๆ ผู้คนคงจดจำเขาตามที่หนังสือพิมพ์บรรยายไว้
เช้าวันนั้น เขาได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่และล้มเลิกงานที่กำลังทำอยู่
โดยอุทิศความรู้ความสามารถทุกอย่างในการทำงานเพื่อสันติภาพของโลก
เขาได้ยกทรัพย์สินทั้งหมดของเขาเมื่อตายไป เพื่อตั้งกองทุนมอบเป็นรางวัลสำหรับคนที่ทำงานเพื่อสันติภาพ
ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “รางวัลโนเบล” (Nobel prizes) ชายคนที่ว่านี้คือ อัลเฟร็ด
โนเบล (Alfred Nobel) ที่ทิ้งความร่ำรวยจากการค้าอาวุธ
และอุทิศตนเพื่อบอกผู้คนให้ทำงานเพื่อสันติภาพ
ประสบการณ์ของ อัลเฟร็ด โนเบล ที่ได้อ่านข่าวการตายของตนเองในหน้าหนังสือพิมพ์
คงเป็นเหมือนกับหญิงชาวสะมาเรียที่พบกับพระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้ พระองค์ได้ชี้ให้หญิงชาวสะมาเรียได้ตระหนักในบาปของเธอทีละเล็กละน้อย กระทั่งเธอเชื่อและไว้ใจว่าพระองค์เป็นพระผู้ไถ่และเป็นแหล่งน้ำทรงชีวิต
ที่สามารถทำให้เธอพบความสุขและได้รับชีวิตนิรันดร ทำให้เธอทิ้งถังน้ำไว้และไปบอกข่าวดีแก่คนอื่นในเมือง
1.
พระเยซูเจ้า: แหล่งน้ำทรงชีวิต
ในพระวรสารวันนี้
พระเยซูเจ้าทรงสัญญากับหญิงชาวสะมาเรียว่า พระองค์จะประทาน “น้ำทรงชีวิต”
ซึ่งจะเป็นเหมือนกับน้ำพุแห่งชีวิตนิรันดรและพระหรรษทานสำหรับผู้ที่ตระหนักถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับพระองค์
โดยทั่วไปชาวยิวจะไม่คบค้าสมาคมกับชาวสะมาเรีย
เพราะพวกเขาถือว่าชาวสะมาเรียเป็นยิวที่ไม่บริสุทธิ์
เนื่องจากละเมิดบทบัญญัติและแต่งงานกับคนต่างชาติ เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า
ความรักของพระเจ้าไม่มีขอบเขตจำกัด อีกทั้ง น้ำทรงชีวิตและปังที่พระเยซูเจ้าประทานแก่เราเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตเรานั้น
มิใช่สำหรับเราเท่านั้นแต่สำหรับทุกคน นั่นแสดงให้เห็นว่า
ความรักของพระเจ้าไปสู่ทุกคน
พระวรสารวันนี้ได้แสดงให้เห็นว่า
หญิงชาวสะมาเรียได้รับการเรียกให้มาแบ่งปันความรักที่เปี่ยมล้นของพระเจ้าแก่ทุกคนด้วยความเชื่อไว้ใจ
พระเยซูเจ้าทรงใช้รูปหมายของน้ำ
เพื่อสอนหญิงชาวสะมาเรียให้เห็นถึงพระหรรษทานและการให้อภัยของพระเจ้า
พระองค์ทรงตรัสถึง “น้ำทรงชีวิต” ที่ให้ชีวิตนิรันดร
ประทานพระหรรษทานอันได้แก่ชีวิตพระในวิญญาณ หญิงชาวสะมาเรียคนนั้นกระหายหา “น้ำทรงชีวิต”
ที่พระองค์ตรัสถึง แม้เธอจะเข้าใจผิดในตอนแรก แต่พระเยซูเจ้าได้ทำให้เธอค่อยๆ
เข้าใจว่า จำเป็นที่เธอจะต้องสำนึกผิดและเปลี่ยนแปลงชีวิตเพื่อจะได้ “น้ำทรงชีวิต”
ดังกล่าว
พระเยซูเจ้าได้เปิดเผยให้หญิงชาวสะมาเรียได้เข้าใจว่า
พระองค์คือพระผู้ไถ่ที่ล่วงรู้ถึงบาปทุกอย่างที่เธอได้กระทำและพร้อมจะยกบาปทั้งหมดของเธอ
พระองค์ทรงเป็น “แหล่งน้ำทรงชีวิต”
ที่เติมเต็มชีวิตของเธอด้วยความรักอันหาขอบเขตมิได้ของพระองค์
การได้พบและสนทนากับพระองค์ครั้งแรกและครั้งเดียวนี้ ทำให้เธอได้รับความสว่าง
เต็มเปี่ยมไปด้วยพระหรรษทานและเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งหมดของเธอ
ถึงขนาดยอมทิ้งถังน้ำไว้ที่บ่อ เข้าไปในเมืองเพื่อประกาศข่าวดีเกี่ยวกับพระองค์
มีผู้คนจำนวนมากได้ออกมาพบพระองค์และเชื่อในพระองค์ เพราะการเป็นพยานของเธอ
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้
ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องการให้พระเยซูเจ้าเข้ามาในชีวิตส่วนตัวของเรา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตส่วนตัวของเราในเทศกาลมหาพรตนี้
มิใช่เพื่อตัดสินหรือตำหนิเรา แต่เพื่อทำให้เราเป็นอิสระจากบาปและเปลี่ยนแปลงตัวเราด้วยน้ำทรงชีวิต
ซึ่งหมายถึงพระจิตเจ้าและความรักของพระองค์ เราสามารถพบแหล่งน้ำทรงชีวิตนี้ผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์
การภาวนาและการอ่านพระคัมภีร์ เราแต่ละคนได้รับการเรียกให้มาแบ่งปันความรักของพระองค์และปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า
นี่คืองานของเราในฐานะคริสตชน
ประการที่สอง
เราต้องเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้าเหมือนหญิงชาวสะมาเรีย พระเยซูเจ้าทรงเป็น “แหล่งน้ำทรงชีวิต”
สำหรับทุกคน แม้กับชาวสะมาเรียที่ชาวยิวทั่วไปมองว่าเป็นคนบาป โดยเฉพาะกับหญิงชาวสะมาเรียคนนี้ที่เป็นหญิงไม่ดี
พระเจ้ายังรักเธอและทำให้เธอกลายเป็นเครื่องมือในการประกาศพระองค์
การได้สนทนาและฟังพระวาจาของพระองค์ ทำให้ชีวิตของเธอมีความหมายและกลายเป็นผู้นำข่าวของพระองค์
เราคริสตชนจะต้องกล้าที่จะเป็นพยานถึงความจริงและความถูกต้องชอบธรรมในชีวิตประจำวัน
ประการที่สาม
เราต้องมาหาพระเยซูเจ้าผู้เป็นแหล่งน้ำทรงชีวิตของเรา เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาของการพบกับพระเยซูเจ้า
เรื่องราวในพระวรสารสอนเราว่าพระองค์ทรงคอยเราอยู่ทุกที่ทุกเวลา เพราะพระองค์ทรงรักเรามากและทรงต้องการที่จะอยู่กับเราตลอดเวลา
ชีวิตคริสตชนที่ปราศจากพระคริสตเจ้าจึงเป็นชีวิตที่ว่างเปล่า ทั้งนี้เพราะ
พระองค์ทรงเป็น “แหล่งน้ำทรงชีวิต” ที่ทำให้ชีวิตของเรามีชีวิตชีวา
สามารถดับความกระหาย คนที่มาหาพระองค์และทำให้เขาพบสันติสุข
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
น้ำในแผ่นดินที่เต็มไปด้วยทะเลทราย เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง
พระวาจาในวันนี้ได้ใช้เครื่องหมายของ “น้ำ”
เพื่อบรรยายถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าที่ให้ชีวิต น้ำในที่นี้หมายถึง “พระคุณของพระเจ้า”
พระวรสารได้แสดงให้เราเห็นว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็น “แหล่งน้ำทรงชีวิต”
ซึ่งจะกลับเป็นน้ำพุภายในใจมนุษย์ที่พุ่งขึ้นเพื่อให้ชีวิตนิรันดร
พระเจ้าที่ประทับอยู่ท่ามกลางเราสามารถดับความกระหายทั้งหลายทั้งปวงของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
หญิงชาวสะมาเรียในพระวรสารเป็นตัวแทนของเราแต่ละคน
ที่ต้องการความรักและการให้อภัย มีเพียงพระเยซูเจ้าเท่านั้นที่สามารถดับความกระหายในใจของเราได้
มีเพียงพระเยซูเจ้าเท่านั้นที่สามารถเติมเต็มความต้องการในชีวิตของเราได้ ด้วยความรักยิ่งใหญ่และการให้อภัยไม่สิ้นสุดของพระองค์
เราจึงต้องหมั่นมาหาและสนทนากับพระองค์บ่อยๆ เป็นต้นในเทศกาลมหาพรตนี้ เพื่อเราจะมีจิตใจที่สุขสงบและสามารถกล่าวได้อย่างนักบุญเอากุสตินที่ว่า
“ดวงใจของข้าพเจ้าจะไม่สงบ จนกว่าจะได้พักพิงในพระเจ้า”
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
22 มีนาคม 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น