กษัตริย์ผู้ทรงความยุติธรรม
|
อาทิตย์ สมโภชพระคริสตเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ปี A |
อสค 34, 11-12, 15-17 1 คร 15, 20-26 มธ 25:31-46 |
บทนำ
ในอียิปต์ยุคโบราณเมื่อกษัตริย์ฟาโรห์สิ้นพระชนม์ พระราชพิธีฝังพระศพกระทำอย่างยิ่งใหญ่
เพื่อแสดงความจงรักภักดี ข้าราชบริพารที่รับใช้ต้องตายไปพร้อมไปด้วย นัยว่าเพื่อตามไปรับใช้ในดินแดนของผู้ตาย
ฟาโรห์จึงเป็นเจ้าของชีวิตและความตายของข้าราชบริพาร นั่นคือความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ของโลกยุคโบราณ
มีอำนาจมากและอยู่เหนือทุกคนดุจเทพเจ้า แม้จากโลกนี้ไปแล้ว
สัปดาห์สุดท้ายของปีพิธีกรรม
พระศาสนจักรให้เราสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ความเป็นกษัตริย์ของพระองค์แตกต่างจากบรรดากษัตริย์ทั้งหลาย
พระองค์ไม่มีข้าราชบริพาร ไม่มีวังที่ประทับ ไม่มีบัลลังก์และคทาแสดงถึงการเป็นกษัตริย์
ในทางตรงข้าม พระองค์มีมงกุฎหนามสวมพระเศียร ร่างกายเปลือยเปล่า
พระพักตร์ชุ่มไปด้วยเลือด และถูกทอดทิ้งให้อยู่โดยลำพัง คนที่เคยติดตามพระองค์ต่างหนีเอาตัวรอด
1.
กษัตริย์ผู้ทรงความยุติธรรม
พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงความยุติธรรม อาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรแห่งความยุติธรรม
ความรัก และสันติสุข วันนี้เราฉลองความเป็นกษัตริย์ของพระองค์
มิใช่ในฐานะผู้ปกครองที่กดขี่และอยู่เหนือคนอื่น แต่ในฐานะผู้ทรงความยุติธรรม ทรงให้ความยุติธรรมกับทุกคนเท่าเสมอกัน
ไม่มีสองมาตรฐาน หรือเลือกที่รักมักที่ชัง ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงเป็นองค์ความยุติธรรม
และความยุติธรรมเป็นคุณธรรมพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ความยุติธรรมของพระเยซูเจ้าแสดงออกในการพิพากษาครั้งสุดท้าย ที่เราได้ยินในพระวรสาร
พระองค์เสด็จมาประทานรางวัลและการลงโทษแก่ทุกคนตามการกระทำของเขา พระองค์ทรงสัญญาประทานรางวัลแก่เราอย่างแน่นอน
ในทุกสิ่งที่เรากระทำต่อคนจนและคนต้องการความช่วยเหลือ ดังหนึ่งกระทำกับพระองค์เอง
“ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง
ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40)
การสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล สอนเราให้เลียนแบบพระองค์เรื่องความยุติธรรม
ในการปฏิบัติต่อพี่น้องด้วยความเท่าเทียมและเสมอภาค การพิพากษาของพระองค์เริ่มตั้งแต่เวลานี้ขณะยังมีชีวิตอยู่ในโลก
ทรงพิพากษาตามมาตรฐานแห่งความรักที่เราแสดงออกต่อพี่น้อง ดังนั้น ให้เราได้ยอมรับพระองค์อย่างกษัตริย์ของเรา
และรับใช้พระองค์ในพี่น้องอย่างที่พระองค์ทรงกระทำ
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก
เราต้องปฎิบัติต่อพี่น้องอย่างยุติธรรม เลียนแบบอย่างพระเยซูเจ้าผู้ทรงความยุติธรรม
ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันมีสาเหตุมาจากระบบยุติธรรมสองมาตรฐาน
หรือไม่มีมาตรฐานเลย นำไปสู่ความแตกแยก และการลุกขึ้นต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ ดังอมตะวาจาของโทมัส
เจฟเฟอร์สัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ว่า “เมื่อความอยุติธรรมเป็นกฎหมาย
การต่อต้านจึงเป็นหน้าที่”
ประการที่สอง
เราต้องรักและช่วยเหลือผู้อื่น ในวาระสุดท้ายแห่งการพิพากษา พระเจ้าจะไม่ถามว่าเราได้ทำอะไรบ้าง
ได้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างไร แต่พระองค์จะถามว่า “เราได้รักผู้อื่นอย่างไร”
เราจะถูกพิพากษาบนพื้นฐานของความรักที่เราปฏิบัติต่อพี่น้อง นี่คือมาตรฐานเดียวที่พระเยซูเจ้าจะทรงพิพากษาเรา
ไม่ว่าเราจะรู้จักพระองค์หรือไม่ก็ตาม
ประการที่สาม เราต้องต้อนรับพระเยซูเจ้า ในวันพิพากษาเราจะถูกตัดสินให้อยู่กับพระองค์
หรือปิศาจ ขึ้นอยู่ที่ว่าเราได้ต้อนรับพระองค์ในโลกนี้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพี่น้องที่ต่ำต้อยและลำบากทุกข์ร้อนโดยไม่ยกเว้น
เพราะในการรับสภาพเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์ทุกคน เราต้องจำและมองเห็นพระองค์ในเพื่อนมนุษย์ที่ต่ำต้อยและเดือดร้อนเหล่านั้น
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้าแตกต่างจากบรรดากษัตริย์ทั้งหลาย
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่รักโดยไม่มีเงื่อนไข รักแม้กระทั่งศัตรู
ทรงเป็นกษัตริย์ที่รับใช้และมอบชีวิตเพื่อคนอื่น มิใช่ให้คนอื่นรับใช้
และทรงเป็นกษัตริย์ที่ให้อภัยเสมอ ให้อภัยแม้คนประหารพระองค์ อาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรแห่งความยุติธรรม
ความรัก และสันติสุข
พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ของเราทุกคน ที่จะเสด็จมาพิพากษาเราในวาระสุดท้ายอย่างยุติธรรม
ทุกครั้งที่เราทำตามพระประสงค์ของพระองค์ในความรัก การรับใช้ และการให้อภัย พระอาณาจักรของพระองค์อยู่ที่นั่น
ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตเป็นพลเมืองดีในพระอาณาจักรของพระองค์ ในความรักไม่แบ่งแยก
การรับใช้ด้วยใจยินดี และการให้อภัยไม่สิ้นสุด เป็นต้น ในครอบครัว ที่ทำงาน
หมู่คณะและชุมชนวัดของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน
ดอนม่วย, สกลนคร
21 พฤศจิกายน 2020
ที่มาภาพ : https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-07-18/religion-and-power-reunite-in-modern-poland
