วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

วันของพระเจ้าและวาระสุดท้ายแห่งชีวิต

 

วันของพระเจ้าและวาระสุดท้ายแห่งชีวิต

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา

ปี C

มลค 4:1-2

2 ธส 3:7-12

ลก 21:5-19

บทนำ

โซเรน คิร์เคการ์ด นักปรัชญาชาวเดนมาร์กได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ณ โรงละครแห่งหนึ่งซึ่งกำลังทำการแสดงรายการต่าง ๆ แต่ละรายการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นที่ชื่นชอบและได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราวจากผู้ชม ทันใดนั้นผู้กำกับการแสดงได้ปรากฏตัวบนเวที กล่าวขอโทษที่ต้องขึ้นมาขัดจังหวะ เขาประกาศด้วยเสียงอันดังว่า ไฟกำลังไหม้โรงละครแห่งนี้ และขอร้องผู้ชมให้ออกจากโรงละครเดี๋ยวนี้

ผู้ชมต่างคิดว่านี่คือมุขตลกแบบหักมุมที่ขบขันที่สุด พากันหัวเราะชอบใจดังลั่น ผู้กำกับได้อ้อนวอนผู้ชมอีกครั้งให้รีบออกจากอาคารที่กำลังไหม้ แต่ผู้ชมยังคงปรบมือกึกก้อง สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะไฟได้โหมไหม้อาคารทั้งหลังปิดทางเข้าออกจนออกไม่ได้ และคิร์เคการ์ดสรุปว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าชีวิตเราจะเผชิญกับหายนะรุนแรงดังผู้ชมที่กำลังส่งเสียงเชียร์เช่นกัน”

บทอ่านวันนี้เตือนเราถึงชะตากรรมในแบบเดียวกัน หากเราไม่เตรียมพร้อมเมื่อวันของพระเจ้ามาถึงในแบบที่คาดไม่ถึง ดังนั้น สัปดาห์ก่อนสุดท้ายของปีพิธีกรรม พระศาสนจักรเรียกร้องให้เราได้ไตร่ตรองเกี่ยวกับวันของพระเจ้า อวสานของโลก และวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของมนุษย์แต่ละคน เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครทราบว่าเมื่อไหร่ เวลาใด แต่ที่เรารู้อย่างแน่นอนคือวาระสุดท้ายของเราในโลกสิ้นสุดลงทันทีเมื่อเราจบชีวิต

1.        วันของพระเจ้าและวาระสุดท้ายแห่งชีวิต

พระวรสารวันนี้ นักบุญลูกาเตือนผู้ที่กำลังเผชิญกับความลำบากและการเบียดเบียน ถึงคำสัญญาของพระเยซูเจ้าที่ว่า พวกเขาต้องวางใจในพระวาจาของพระเจ้า และใช้โอกาสนี้ในการเป็นพยานถึงพระองค์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ศาลและสาธารณชน ดังนั้น การเบียดเบียนจึงกลายเป็นการประกาศข่าวดี (ดู ลก 21:12-13) และเป็นบททดสอบสำคัญของความเชื่อ

พระเยซูเจ้าทรงเตือนพวกเขาไม่ให้สิ้นหวัง เมื่อต้องเผชิญกับการต่อต้าน การเบียดเบียน และการเป็นที่เกลียดชังเพราะนามของพระองค์ พวกเขาจะถูกจับกุม ตามมาด้วยการถูกตัดสินและการถูกประณามในศาล ความซื่อสัตย์มั่นคงในความเชื่อทำให้พวกเขาเป็นพยานถึงพระองค์ได้ และผู้ที่ยืนหยัดมั่นคงจนถึงที่สุดจะได้รับความรอด ในความเป็นจริง การเบียดเบียนทำให้พระศาสนจักรเติบโต “เลือดของมรณสักขีคือเมล็ดพันธุ์ชั้นดีของพระศาสนจักร” (แตร์ตุเลียน)

พระเยซูเจ้าทรงสอนถึงการสิ้นสุดของโลกและวาระสุดท้ายของมนุษย์ โดยเชื่อมโยงไปถึงการล่มสลายของพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มที่ทรงเห็นล่วงหน้าถึงจุดจบที่น่าอนาถ พระองค์ไม่ทรงต้องการให้มนุษย์กังวนถึงการสิ้นสุดของโลก แต่ทรงสอนให้เตรียมตัวไปถึงเวลานั้นด้วยความเชื่อและความซื่อสัตย์ พระองค์ได้ให้ความมั่นใจกับเราว่าจะอยู่กับเราตลอดไป (ดู มธ 28:21) เราต้องดำเนินชีวิตและทำหน้าที่แต่ละวันอย่างซื่อสัตย์ ไม่ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะเป็นอย่างไร

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องเตรียมพร้อมเผชิญวันของพระเจ้า เราไม่ทราบว่าวันของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อไหร่ อีกทั้งไม่รู้วันตายของเราด้วย แต่เราแน่ใจว่าวันสิ้นโลกจะมาถึงอย่างแน่นอน ในการเผชิญหน้ากับวันของพระเจ้าและความตาย เราต้องดำเนินชีวิตในความรักไม่เห็นแก่ตัว ความเมตตากรุณา ความเห็นอกเห็นใจ และการให้อภัยไม่สิ้นสุดของพระเจ้า ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางเราในเพื่อนมนุษย์ และพิจารณามโนธรรมของตนทุกวัน

ประการที่สอง เราต้องทำหน้าที่ประจำวันให้ดีที่สุด ชาวอเมริกันมีสุภาษิตบทหนึ่งว่า “เขาตายในสภาพสวมรองเท้าบูท” (He died with his boots on.) นั่นหมายความว่า บุคคลนั้นตายขณะกำลังทำหน้าที่ เขาได้ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าจนถึงวาระสุดท้ายในโลก ให้เราได้คิดถึงพระดำรัสของพระเยซูเจ้า “จงรักซึ่งกันและกัน” “จงมีความเมตตากรุณาเหมือนที่พระบิดาทรงมี” “จงให้อภัยซึ่งกันและกันด้วยใจกว้าง” นี่คือ การวางแผนตายตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า

ประการที่สาม เราต้องไม่กลัววาระสุดท้ายแห่งชีวิต หากเราได้ดำเนินชีวิตอย่างชื่อสัตย์และทำหน้าที่ของตนอย่างดีและรับผิดชอบ เราต้องไม่ตื่นตระหนกเพราะพระเจ้าทรงพิพากษาด้วยความเมตตากรุณา นักบุญเปาโลบอกเราว่า “ถ้าเราตายแล้วพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว เราก็จะมีชีวิตพร้อมกับพระองค์ด้วย” (รม 6:8) สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำคือการเป็นพยานถึงความเชื่อคริสตชน แม้ในห้วงเวลาของความทุกข์ รักษาธรรมบัญญัติของพระเจ้าด้วยความเพียรทน

บทสรุป

พี่น้องที่รัก เป็นความจริงว่า วันของพระเจ้าต้องมาถึง โลกจะถึงกาลอวสานในวันหนึ่ง ซึ่งมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้วันเวลาชัดเจน สิ่งที่เราควรทำคือใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สำหรับพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ มีความเชื่อและความวางใจในพระเมตตาและสัญญารักของพระเยซูเจ้า ผู้ได้สิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายเพื่อเรา ประการสำคัญ เราต้องไม่กลัวและกังวลใจถึงอนาคต แต่ต้องใส่ใจในปัจจุบัน ขณะนี้ และเวลานี้

นักบุญเปาโลได้เตือนชาวเธสะโลนิกาและเราแต่ละคน ให้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ รับผิดชอบต่อผู้อื่น ไม่ใช่อยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำงาน หรือชอบไปยุ่งเรื่องของคนอื่น สำหรับคนมีความเชื่อในพระเจ้า เวลาปัจจุบันคือช่วงเวลาสำคัญที่สุดในชีวิต ศิษย์พระคริสต์ต้องเตรียมพร้อมเผชิญวันของพระเจ้าและวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ด้วยความรักและการรับใช้พระเจ้าในเพื่อนมนุษย์ มีความมั่นคงในความเชื่อและความวางใจพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม และมีความเพียรทนจนถึงวาระสุดท้าย

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

15 พฤศจิกายน 2025

ภาพ : สุสานศักดิ์สิทธิ์วัดกุรุคุ, นครพนม; 2025-11-09

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น