วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567

เวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์มาถึงแล้ว

 

เวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์มาถึงแล้ว

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต

ปี B

ยรม 31: 31-34

ฮบ 6: 7-9

ยน 12: 20-33

บทนำ

มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังเดินเล่นตามชายหาด เขาสังเกตเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังเก็บบางสิ่งบางอย่างโยนลงทะเล เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ได้ถามว่า “หนูกำลังทำอะไร” เด็กนั้นตอบว่า “ผมกำลังเก็บปลาดาวโยนกลับลงทะเล คลื่นซัดมันขึ้นมาเกยตื้น หากไม่มีใครโยนมันกลับลงไป มันคงตายแน่ ๆ” ชายนั้นพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย มีปลายดาวมากมายอย่างนี้และชายหาดยาวหลายกิโลเมตร หนูคงไม่สามารถทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นได้”

เด็กชายฟังคำแนะนำจากชายนั้นอย่างสุภาพ เขาก้มลงเก็บปลาดาวตัวหนึ่งและโยนลงทะเล เขายิ้มให้ชายนั้นและพูดว่า “ดูสิครับ ผมทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นกับปลาดาวตัวนี้” เรื่องเล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังในตัวเราแต่ละคน ซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในชีวิตของผู้คนมากมาย ในครอบครัว สังคม และหมู่คณะของเราได้

พระวรสารวันนี้ท้าทายเราให้สร้างความแตกต่างในชีวิตของผู้คน โดยการถ่อมตนรับใช้ผู้คนที่อยู่รอบตัวเรา ในครอบครัว ในที่ทำงาน และในชุมชนวัดของเรา พระเยซูเจ้าได้ประกาศว่า เวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระผู้ไถ่มาถึงแล้ว เป็นเวลาที่บุตรแห่งมนุษย์ต้องรับทนทรมานและมอบชีวิตของพระองค์เพื่อผู้อื่น การตายต่อบาปและตายต่อตนเอง ทำให้เราสามารถมอบชีวิตของเราเองเพื่อรับใช้คนอื่นได้เช่นเดียวกัน

1.        เวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์มาถึงแล้ว

พระวรสารวันนี้บอกให้เราทราบว่า มีชาวกรีกบางคนรู้สึกประทับใจพระเยซูเจ้า พวกเขาได้มาหาฟิลิปบอกว่าอยากพบพระองค์ พระเยซูเจ้าได้ใช้โอกาสนี้ประกาศว่า พระองค์เป็นบุตรแห่งมนุษย์ที่ประกาศกดาเนียลกล่าวถึง และเวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์มาถึงแล้ว พระองค์ได้ทำให้พวกเขาได้เข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับพระผู้ไถ่ มิใช่ผู้มีอำนาจทางการเมือง แต่เป็นผู้ยอมรับการทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพ

เวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของบุตรแห่งมนุษย์ เป็นเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงทำให้พระบิดาเจ้าได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ และพระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์จากพระบิดา เป็นเวลาแห่งการรวบรวมมนุษย์เข้าในงานไถ่กู้ของพระเจ้า การที่พระองค์ถูกยกขึ้นบนไม้กางเขนทำให้พระบิดาได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ เตือนใจเราว่า เราสามารถทำให้พระเจ้าได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ ด้วยการยอมรับไม้กางเขนที่พระบิดาเจ้าประทานให้ด้วยความเต็มใจ

เวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์มาถึงแล้ว หมายถึงเวลาที่พระเยซูเจ้าต้องรับการทรมานและการสิ้นพระชนม์มาถึงแล้ว ดังอุปมาเรื่องเมล็ดข้าวที่ตกลงดินและตายไป พระเยซูเจ้าทรงอธิบายให้บรรดาศิษย์ได้เข้าใจว่า ดยการทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ได้นำชีวิตและปลดปล่อยโลกให้พ้นจากบาป เหมือนเมล็ดข้าวที่เปื่อยเน่าและก่อให้เกิดผลมากมาย ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราตายต่อบาปและตายต่อตนเอง เราได้เกิดใหม่ในองค์พระเยซูเจ้า

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องรับใช้ผู้อื่นเพื่อได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่ากระแสเรียกแห่งการเป็นคริสตชนคือการรับใช้ เราต้องใช้พระพรและความสามารถต่าง ๆ ที่มีรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตาเป็นตัวอย่างสำหรับเราในการอุทิศตนรับใช้คนยากจนที่สุดในเมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย  ท่านสอนสมาชิกในคณะว่า “ความเชื่อในภาคปฏิบัติคือ ความรัก และความรักในภาคปฏิบัติคือ การรับใช้”

ประการที่สอง เราต้องตายต่อตนเองเพื่อรับชีวิตนิรันดร พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า การตายได้ทำให้เกิดชีวิตใหม่ “เลือดของมรณสักขีคือเมล็ดพันธุ์ชั้นดีของพระศาสนจักร” การที่พวกเขายอมรับการทรมานและความตาย ได้ทำให้พระศาสนจักรเจริญเติบโตและเป็นปึกแผ่นมั่นคง การตายต่อตัวเองทีละเล็กละน้อย ตายต่อความเห็นแก่ตัวและอคติ เหมือนเปลวเทียนที่ละลายแท่ง ทำให้เรากลายเป็นบุตรของพระเจ้าและสมาชิกของพระศาสนจักร

ประการที่สาม เราต้องเจริญชีวิตด้วยความเสียสละ เราต้องใช้เวลาตลอดเทศกาลมหาพรตนี้ในการสละตนเองและบางสิ่งที่มี เพื่อแบ่งปันกับผู้เดือดร้อนและอยู่ในฐานะด้อยกว่าเรา ดังคำกล่าวของจอห์น เวสลีย์ (John Wesley) “จงทำความดีทุกอย่างที่ท่านสามารถทำได้ ด้วยเครื่องมือทุกอย่างที่ท่านสามารถทำได้ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่ท่านสามารถทำได้ ในทุกสถานที่ที่ท่านสามารถทำได้ กับทุกคนที่ท่านสามารถทำได้ ตราบเท่าที่ท่านยังสามารถกระทำมันได้”

บทสรุป

พี่น้องที่รัก ความตายสำหรับคนทั่วไปหมายถึงการสิ้นสุดของทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สำหรับพระเยซูเจ้า ความตายเป็นการทำให้ชีวิตและพันธกิจของพระองค์บรรลุความสมบูรณ์ พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้ออกจากตัวเอง ด้วยการตายต่อตัวเองทีละเล็กละน้อย ตายต่อความเห็นแก่ตัวทุกอย่างที่เรามี พร้อมรับใช้กันและกัน และสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะผู้เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือในเทศกาลมหาพรตนี้

เรากำลังเดินทางเข้าใกล้สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ให้เราวอนขอพระพรจากพระเจ้าผ่านทางคำเสนอวิงวอนของพระนางมารีย์ เพื่อให้ความรักของพระองค์เปิดดวงใจเรา ให้สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองและเตรียมสมโภชปัสกาที่กำลังมาถึง ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบพระเยซูเจ้าในการน้อมรับและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า และในการรับใช้กันและกันในชีวิตประจำวัน  พระพรและความสามารถต่าง ๆ ที่มีต้องใช้เพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

16 มีนาคม 2024

ภาพ : การห่อพระศพพระเยซูเจ้า, วิหารพระคูหาศักดิ์สิทธิ์, เยรูซาเล็ม, อิสราเอล; 2018-04-21

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น