วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2563

สายตาที่ไม่ละจากพระเยซูเจ้า

 

สายตาที่ไม่ละจากพระเยซูเจ้า

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา

ปี A

1พกษ 19:9.11-13

รม 9:1-5

มธ 14:22-33

บทนำ

การเดินเรือในอดีต เด็กหนุ่มผู้ใฝ่ฝันออกทะเลเป็นกลาสี ต้องผ่านบททดสอบสำคัญ วันทะเลเกิดพายุกะลาสีได้สั่งให้เด็กหนุ่มปีนเสากระโดงเรือ ในช่วงแรกของการปีนดูเหมือนง่าย เพราะตาของเขาเพ่งมองท้องฟ้า แต่เมื่อปีนเลยครึ่งเสา เขาได้ทำผิดด้วยการมองดูคลื่นลมเบื้องล่าง จนเกิดอาการวิงเวียนตาลายและกำลังจะตกลงมา

กะลาสีเฝ้าดูอยู่ได้ร้องบอกเขาให้มองท้องฟ้าเหมือนเดิม เขาปฏิบัติตามคำแนะนำของกะลาสีแต่โดยดี จนสามารถผ่านบททดสอบนี้อย่างปลอดภัย ความผิดพลาดของเด็กหนุ่มที่ละสายตาจากเป้าหมายและก้มมองดูคลื่นลมข้างล่าง เหมือนกับเปโตรทำในพระวรสารวันนี้ เปโตรละสายตาจากพระเยซูเจ้าและมองดูคลื่นลมน่ากลัวรอบตัว จนเริ่มจมลง

พระวรสารวันนี้ กล่าวถึงอัศจรรย์สองอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำคือ การเดินบนน้ำและการช่วยสาวกของพระองค์ให้รอดจากพายุแรงกล้า พระองค์ได้สั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือไปยังอีกฝากหนึ่ง ขณะที่พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนา ทรงกระทำเช่นนี้เป็นประจำหลังเสร็จสิ้นภารกิจประจำวัน

1.        สายตาที่ไม่ละจากพระเยซูเจ้า

การเดินบนน้ำของพระเยซูเจ้าแสดงว่าทรงเป็นพระเจ้า ผู้ทรงอำนาจเหนือธรรมชาติและสิ่งเหนือธรรมชาติทุกอย่าง ชาวยิวมีความเชื่อว่าท้องทะเลอยู่ใต้อำนาจของปีศาจ ทะเลบ้าคลั่งและพายุพัดกระหน่ำเป็นผลงานของจิตชั่ว ดังนั้น การเดินบนน้ำทะเลและบังคับคลื่นลมให้สงบลงได้ แสดงว่าพระองค์ทรงอำนาจเหนือจิตชั่ว สามารถควบคุมปีศาจให้อยู่ใต้อำนาจได้

เรือกลางทะเลเป็นสัญลักษณ์หมายถึงพระศาสนจักรกำลังเดินทางในโลก เรือถูกคลื่นซัดเป็นรูปหมายถึงพระศาสนจักรถูกค่านิยมและกระแสของโลกถาโถมเข้าใส่ โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรก พระศาสนจักรถูกเบียดเบียนอย่างรุนแรง ท่ามกลางภาวะวิกฤตพระเยซูเจ้าเสด็จมา เพื่อสร้างสันติภาพและนำความสงบสุขมาสู่ทุกคนบนเรือ

 พระเยซูเจ้าเสด็จมาในรูปแบบที่บรรดาศิษย์จำไม่ได้ ต่างตกใจกลัวและคิดว่าเป็นผี  หากเราฟังอย่างตั้งใจจะได้ยินเสียงของพระองค์ตรัสกับเรา เหมือนตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” (มธ 14:27) หากเราเชื่อพระวาจานี้และเชิญพระองค์ขึ้นมาบนเรือแห่งชีวิตของเรา พายุร้ายและคลื่นลมย่อมสงบลง วิกฤตที่กำลังเผชิญพบทางออกและได้รับการแก้ไข

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องเชื่อการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะในห้วงเวลาเผชิญปัญหา ความยากลำบาก และต้องการความช่วยเหลือ แม้เรามองไม่เห็นหรือจำพระองค์ไม่ได้ แต่พระองค์ประทับอยู่เคียงข้างเราเสมอ เพื่อปกป้องดูแลและเป็นแหล่งพลังแห่งชีวิตของเรา ดังนั้น เราไม่ควรหวาดกลัวหรือกังวลสิ่งใด

ประการที่สอง เราต้องอธิษฐานภาวนา เราถูกเรียกให้ปฏิเสธค่านิยมของโลก แยกตัวออกไปจากความวุ่นวายรอบตัวเราเพื่ออธิษฐานภาวนา เหมือนพระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อสนทนากับพระบิดาเจ้า เรามีพันธกิจในการนำผู้คนมารู้จักพระองค์ผ่านทางแบบอย่างชีวิตของเรา ช่วยพวกเขาให้จำพระองค์ได้และยอมรับอำนาจปกครองของพระองค์

ประการที่สาม เราต้องไม่ละสายตาจากพระเยซูเจ้า เปโตรเชื่อและต้องการพิสูจน์ว่าใช่พระอาจารย์ไหม จึงขอเดินบนทะเลไปหาพระองค์ แต่เมื่อหันความสนใจไปยังสิ่งอื่นทำให้เริ่มจมลง สุดท้ายต้องร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ นักบุญมิใช่ผู้ไม่เคยผิดพลาด แต่เป็นคนรู้จักลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้มลง เราต้องวางใจและไม่ละสายตาจากพระเยซูเจ้า

บทสรุป

พี่น้องที่รัก เราได้เห็นบทบาทของนักบุญเปโตรในฐานะหัวหน้าอัครสาวก ก้าวลงจากเรือไปพบพระเยซูเจ้าท่ามกลางพายุแรงกล้า นี่คือพันธกิจของเราในฐานะคริสตชน เราต้องนำคนอื่นให้มารู้จักพระเยซูเจ้า กล้าทวนกระแสของโลกโดยไม่ละสายตาไปจากพระองค์ ผู้เป็นเป้าหมายแท้จริงแห่งชีวิต ดำเนินชีวิตเป็นพยานถึงพระองค์ด้วยความวางใจ มิใช่วางใจในตนเองหรือสิ่งอื่น

ทุกสัปดาห์พระเยซูเจ้าทรงรอคอยเรา ทรงอ้าแขนและพร้อมยื่นมือช่วยเหลือ พระองค์ประทับอยู่กับเราท่ามกลางปัญหาและความยากลำบากในชีวิต ขอพียงเราหันหัวใจมาหาพระองค์ ศิษย์พระคริสต์ต้องเชื่อในการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเรา วางใจในพระองค์อย่างเต็มเปี่ยมผ่านทางการอธิษฐานภาวนาและการดำเนินชีวิตตามพระวาจา ไม่ละสายตาจากพระองค์ ผู้เป็นแหล่งพลังและท่อธารแห่งพระพรสำหรับเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

8 สิงหาคม 2020

ภาพ: คุณพ่ออันตน วีระเดช ใจเสรี, พระสังฆราชผู้ได้รับเลือกแห่งอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง; 2020-06-24

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น