วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2563

พระเยซูเจ้า แสงสว่างส่องโลก

พระเยซูเจ้า แสงสว่างส่องโลก

อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
ปี A
1 ซมอ 16:1, 6-7, 10-13
อฟ 5:8-14
ยน 9:1, 6-9, 13-17, 34-38
บทนำ
มีชายสองคนป่วยหนักนอนอยู่ในห้องเดียวกันมีม่านกั้น ชายคนที่เตียงอยู่ชิดหน้าต่างได้รับอนุญาตให้ลุกขึ้นนั่งวันละหนึ่งชั่วโมงตอนบ่าย ส่วนชายอีกคนต้องนอนราบอยู่บนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นได้  ทุกครั้งที่ชายคนที่นอนอยู่ติดหน้าต่างลุกขึ้นนั่ง ได้บรรยายสิ่งต่าง ๆ ที่มองเห็นผ่านหน้าต่างให้ชายอีกคนฟังอย่างละเอียด ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้รับทราบเรื่องราวโลกภายนอก ผ่านการบอกเล่าของเพื่อนร่วมห้องให้เขาฟังทุกวัน  
วันหนึ่งชายที่อยู่ริมหน้าต่างเสียชีวิตลง ชายที่อยู่ร่วมห้องรู้สึกเศร้าใจมากที่ต้องอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนคอยเล่าเรื่องราวนอกหน้าต่างให้ฟังอีก เขาได้ขออนุญาตไปนอนที่ริมหน้าต่าง พยาบาลจัดการย้ายเตียงให้ด้วยความยินดี เมื่ออยู่ตามลำพังเขายันกายขึ้น เพื่อมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นโลกภายนอกด้วยตาตนเอง เขาพบว่า มันไม่มีอะไรนอกจากกำแพงว่างเปล่า และทราบความจริงจากพยาบาลว่า ชายที่เพิ่งจากไปเป็นคนตาบอด
สำหรับชาวยิวการที่ใครคนหนึ่งเกิดมาตาบอด เป็นผลมาจากบาปของเขาเอง หรือบาปของบิดามารดาของเขา แต่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ทั้งบาปของเขาเอง หรือบาปของบิดามารดาที่ทำให้เขาเป็นเช่นนั้น การที่เขาเกิดมาตาบอดเพื่อให้พระฤทธานุภาพของพระเจ้าปรากฏ เขาได้กลายเป็นเครื่องมือของพระเจ้า ทำให้ทุกคนได้เห็นถึงความรักเมตตาของพระองค์
1.        พระเยซูเจ้า แสงสว่างส่องโลก
พระวรสารวันนี้เราได้ยินเรื่องราวการรักษาชายตาบอดแต่กำเนิดของพระเยซูเจ้า ถือเป็นเรื่องงดงามเรื่องหนึ่งของนักบุญยอห์น ซึ่งได้เห็นการรักษาของพระเยซูเจ้าด้วยตนเอง ยอห์นได้บอกขั้นตอนของการกลับมามองเห็น และมีความเชื่อในพระเยซูเจ้าของชายตาบอดอย่างละเอียด พระเยซูเจ้าทรงถ่มน้ำลายลงบนดินทำเป็นโคลนป้ายตาและบอกให้ไปล้างที่สระสิโลอัม คนโบราณถือว่า น้ำลายสามารถรักษาโรคได้
นักบุญยอห์นได้นำเสนอพระเยซูเจ้าเป็นแสงสว่างส่องโลก ชายตาบอดแต่กำเนิดไม่เพียงมองเห็นเหมือนคนปกติ แต่ตาใจของเขายังได้รับแสงสว่างและรับรู้ว่า พระเยซูเจ้าเป็นใคร การรักษาของพระเยซูเจ้าทำให้เขามองเห็นสิ่งต่าง ๆ และเห็นพระเยซูเจ้าในฐานะองค์ความสว่าง ในขณะที่ชาวฟาริสีมองไม่เห็นยังคงเดินในความมืด “คนตาบอดที่สุดคือคนตาดีที่มองไม่เห็นความเดือดร้อนและความต้องการของผู้อื่น”
การรักษาชายตาบอดอย่างอัศจรรย์ได้เปิดเผยความจริงว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างส่องโลก “เราเป็นแสงสว่างส่องโลก ผู้ที่ตามเรามา จะไม่เดินในความมืด แต่จะมีแสงสว่างส่องชีวิต” (ยน 8:12) บทอ่านวันนี้เตือนใจเราว่า ทุกคนเกิดมาในความบอดมืดฝ่ายจิตใจ ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อเราได้เป็นส่วนหนึ่งแห่งพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า ผู้เป็นแสงสว่างส่องโลก ผ่านทางศีลล้างบาปทำให้เราได้รับพระพรฝ่ายจิต พ้นจากความมืดสู่ความสว่าง
2.        บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาความบอดมืดฝ่ายจิต เราแต่ละคนล้วนมีจุดบอดในตนเองเหมือนชาวฟาริสีที่อยู่ในความมืด มองไม่เห็นความยากจน ความอยุติธรรม และความเจ็บปวดที่อยู่รอบพวกเขา เราต้องตระหนักว่า พระเยซูเจ้าสามารถรักษาความบอดมืดนี้ เราต้องให้พระองค์ขจัดรากเหง้าแห่งความบอดมืดในตัวเรา ได้แก่ การยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ความละโมบ ความเห็นแก่ตัว ความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยาและใจแข็งกระด้างให้หมดสิ้นไป
ประการที่สอง เราต้องขจัดวัฒนธรรมแห่งความบอดมืด สังคมปัจจุบันมีความบอดมืดทางศีลธรรม อาทิ การประพฤติผิดทางเพศ สื่อลามกอนาจารที่ลดคุณค่าและศักดิ์ศรีของความมนุษย์ให้กลายเป็นสิ่งของสามารถซื้อขายได้ วัฒนธรรมแห่งความบอดมืดนี้สามารถเอาชนะได้หากแต่ละคนให้พระเยซูเจ้าเจริญชีวิตในเรา ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ในผู้อื่น ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา การปฏิบัติตามพระวาจา และรับศีลศักดิ์สิทธิ์อย่างสม่ำเสมอ
ประการที่สาม เราต้องให้แสงสว่างของพระเยซูเจ้าฉายแสงในตัวเรา กระแสเรียกคริสตชนเรียกร้องให้เราเป็นแสงสว่างส่องโลก เราได้รับแสงสว่างของพระคริสตเจ้าแล้วผ่านทางศีลล้างบาป เราจึงมีหน้าที่เป็นแสงสว่างส่องโลกเหมือนอย่างพระองค์ ยิ่งเราเจริญชีวิตละม้ายคล้ายกับพระองค์และให้แสงสว่างของพระองค์ฉายแสงในตัวเรามากเท่าใด เราจะกลายเป็นแสงสว่างสำหรับผู้อื่นมากเท่านั้น
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ชาวฟาริสีและชาวยิวมองคนตาบอดว่าเป็นคนบาป ได้รับการลงโทษจากพระเจ้า เราคริสตชนต้องไม่มองคนที่เกิดมายากจน และกำลังทนทุกข์เพราะความพิการและภัยพิบัติต่าง ๆ ในชีวิตว่าเป็นการลงโทษของพระเจ้า ไม่มองและตัดสินใครจากสิ่งปรากฏภายนอก แต่ต้องมองให้ลึกลงไปในจิตใจเหมือนพระเจ้า และเดินในความสว่างของพระคริสตเจ้า พระอาจารย์เจ้าของเรา
พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างแห่งความเชื่อ เราต้องเปิดตาของเราต่อพระองค์และเจริญชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์ ด้วยการเป็นแสงสว่างส่องโลก ฉายแสงแห่งความรักของพระองค์ให้ทุกคนได้เห็น จองจำความเป็นตัวกูของกูไว้ ไม่กระทำการใด ๆ อย่างอคติ ศิษย์พระคริสต์ต้องมองเห็นการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าในผู้อื่น ให้ความรักของพระเจ้าฉายแสงในตัวเรา ยอมรับบุคคลอื่นอย่างที่เขาเป็น ขจัดความเกลียดชังและความเป็นศัตรูให้หมดสิ้นไป
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลมหาพรต 40 วันแห่งการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2561), หน้า 87-90.
ที่มาภาพ : http://www.mywatermark.org/single-post/2018/03/21/Are-you-in-a-dark-place

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น