คำตอบของพระเยซูเจ้า
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
ปี A
|
อสย 35:1-6ข, 10
ยก 5:7-10
มธ 11:2-11
|
บทนำ
เย็นวันหนึ่ง
ขณะที่กลุ่มเด็กชายกำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่ที่ลานสาธารณะของหมู่บ้าน ปรากฏชายแอฟริกัน-อเมริกัน
รูปร่างสูงใหญ่ศีรษะล้านเดินออกกำลังกายผ่านมา เขาหยุดมองดูเด็กเหล่านั้นคู่หนึ่ง จากนั้นได้ขอเล่นบาสเกตบอลกับพวกเขา
เมื่อเริ่มเล่นชายแปลกหน้าคนนั้นได้แสดงทักษะการเล่นอย่างมืออาชีพ ทั้งชู๊ตสามคะแนน
เล่นใต้แป้นและแสลมดั้ง หลังจากเล่นบาสเกตบอลกับเด็กๆ ประมาณสิบห้านาที เขาได้กล่าวขอบคุณและเดินจากไป
ชายแปลกหน้าคนนั้นไม่ได้บอกว่าเขาชื่ออะไร
บรรดาเด็กหยุดเล่นและพูดกันว่าเขาเหมือนกับไมเคิล จอร์แดน
สุดยอดนักบาสเกตบอลอาชีพผู้โด่งดังที่พวกเขาเคยเห็นทางโทรทัศน์
แต่ผู้เล่นยอดเยี่ยมจากลีกบาสเกตบอลอาชีพ (NBA) อย่างไมเคิล
จอร์แดน จะมาเดินทอดน่องในชนบทห่างไกลเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขาต่างสงสัยว่าชายแปลกหน้าคนนั้นเป็นคนเดียวกันกับไมเคิล
จอร์แดน จริงไหม
ในพระวรสารวันนี้
ยอห์น บัปติสต์ เกิดความสงสัยและถามคำถามในลักษณะเดียวกันกับพระเยซูเจ้า
ชายชื่อเยซูพร้อมผู้ติดตามที่เป็นชาวประมงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด (Messiah)
ที่พวกเขารอคอยหรือเปล่า หรือจะต้องรอใครอีก ยอหน์เป็นประกาศกองค์สุดท้ายในพันธสัญญาเดิม
ที่เป็นพยานถึงความจริงและความถูกต้องจนกระทั่งถูกจับกุม
ในช่วงเวลานี้เองที่พระเยซูเจ้าได้เริ่มภารกิจในการประกาศข่าวดีของพระเจ้า
ยอห์นซึ่งอยู่ในคุกได้ยินถึงกิจการที่พระองค์ทรงกระทำ เกิดความไม่แน่ใจจึงส่งศิษย์ไปถามว่า
“ท่านคือผู้ที่จะมาหรือเราจะต้องรอคอยใครอีก”
1.
คำตอบของพระเยซูเจ้า
นักพระคัมภีร์หลายคนแปลกใจว่าทำไมยอห์นจึงส่งศิษย์ไปถามพระเยซูเจ้า
มีคำอธิบายที่เป็นไปได้สองอย่าง 1)
ยอห์นทราบดีว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์
แต่เนื่องจากเวลานั้นท่านถูกจองจำจึงอยากให้ศิษย์ได้ติดตามพระเยซูเจ้า
เมื่อพวกเขาพบกับพระองค์จะได้ทราบด้วยตนเองว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและกลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์
2) ยอห์นเริ่มสงสัยในคุณสมบัติของพระเยซูเจ้า
เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำตรงข้ามกับสิ่งที่ยอห์นคาดคอย พระองค์ยังมิได้ประกอบพิธีล้างด้วยไฟและพระจิตเจ้าอย่างที่ท่านเคยทำนายไว้
พระเยซูเจ้าไม่ได้ตอบคำถามศิษย์ของยอห์นโดยตรง
แต่ทรงตรัสว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น”
คำเทศน์สอนและการอัศจรรย์ต่างๆ ที่พระองค์ทรงกระทำเป็นเครื่องหมายถึงอาณาจักรของพระเจ้าตามที่ประกาศกในพันธสัญญาเดิมกล่าวถึง
พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงหนทางใหม่แห่งอาณาจักรพระเจ้า บนพื้นฐานของการสำนึกผิดและการกลับใจ
ทรงทำให้คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนหูหนวกได้ยิน คนใบ้พูดได้
คนโรคเรื้อนหายจากโรค และคนตายฟื้นคืนชีพ
สิ่งเหล่านี้คือการทำให้คำทำนายของบรรดาประกาศกสำเร็จไป
และเป็นเครื่องหมายว่าพระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จมาแล้ว
อาณาจักรของพระเจ้าได้เริ่มขึ้นแล้ว การอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ที่ทรงกระทำในวันนี้คือ
การกลับใจของเราเพื่อเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า พระองค์ทรงกระทำกับเราเช่นเดียวกับที่ทรงกระทำกับประชาชนสมัยนั้น
แต่ในรูปแบบและวิธีการที่ต่างกัน ประการสำคัญ พระองค์จะสามารถกระทำการอัศจรรย์เหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อ
เราได้เปิดตัวเองให้พระองค์ทรงทำงานและร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์
พระเยซูเจ้าได้ให้ตัวอย่างของยอห์น บัปติสต์แก่เรา
เพื่อให้กำลังใจและกระตุ้นเตือนความหวังไว้ใจในเรา
ยอห์นได้เป็นเครื่องมือที่ดีของพระเจ้าในการเตรียมทางของพระองค์
และได้เป็นพยานถึงความจริงและความถูกต้องด้วยชีวิต ดังนั้น
พระเยซูเจ้าจึงยกย่องยอห์นว่า “เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
พระเยซูเจ้าจะทรงมอบความยิ่งใหญ่แบบเดียวกันกับเรา
หากเราได้ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ และเป็นพยานถึงความจริงและความถูกต้องด้วยความกล้าหาญ
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้
ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราหลายประการในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ในสถานการณ์แห่งความสงสัยและท้อแท้สิ้นหวัง
เราต้องมองหาโอกาสที่เป็นไปได้ ด้วยการทบทวนความเชื่อของเราที่มีต่อพระเจ้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
และสานต่อพันธกิจของพระองค์ในการสร้างอาณาจักรพระเจ้าในโลกนี้ให้สมบูรณ์ ในความรัก
ความเมตตากรุณา การให้อภัยและการรับใช้ซึ่งกันและกัน
ประการที่สอง เราต้องไปบอกทุกคนถึงสิ่งที่เราได้ยินและเห็น ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวความรัก ความเมตตากรุณา การให้อภัย
และการรับใช้ที่สุภาพถ่อมตนของพระคริสตเจ้า ที่บังเกิดมาในวันพระคริสตสมภพ
เพื่อพระองค์จะได้บังเกิดในจิตใจของเรา
ทำให้เราเข้มแข็งด้วยพระพรแห่งความรักและการให้อภัย
และสรรพพร้อมที่จะแบ่งปันความชื่นชมยินดีนี้กับผู้อื่น
สิ่งที่พระองค์สั่งศิษย์ของยอห์น พระองค์ทรงสั่งเราเช่นเดียวกัน
ประการที่สาม เราต้องเปิดใจกว้างให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา ชีวิตของเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
หากเราเพียรทนและวางใจในพระเจ้า เราต้องเตรียมจิตใจเราเพื่อต้อนรับองค์พระคริสตเจ้า
ด้วยการกลับใจคืนดีกับพระเจ้า (ผ่านทางศีลอภัยบาป) และเปลี่ยนแปลงตนเองทุกวัน
(จากความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆที่เราคุ้นเคย) ตลอดเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯนี้
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าคือพระแมสิยาห์ที่บรรดาประกาศกกล่าวถึง
ที่ได้เสด็จมาเพื่อสถาปนาอาณาจักรพระเจ้าในโลก
และทรงมอบภารกิจนี้แก่เราในการทำให้อาณาจักรพระเจ้าสมบูรณ์
เราจะต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และสานต่อพันธกิจของพระองค์ในโลกนี้ให้สมบูรณ์
ทำให้สังคมและโลกที่เราอยู่เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความรักมากกว่าความเกลียดชัง
โลกแห่งการให้อภัยมากกว่าการแก้แค้นผูกพยาบาท
โลกแห่งความจริงมากกว่าการโกหกหลอกลวง และโลกแห่งความเมตตากรุณามากกว่าการแบ่งแยกแตกต่าง
ที่สุด เราจะต้องเลียนแบบอย่างยอห์น บัปติสต์
ในการเป็นเครื่องมือที่ดีของพระเจ้า
และเป็นพยานถึงการเสด็จมาของพระองค์ด้วยความจริงและความถูกต้องชอบธรรม
เราจะต้องรื้อฟื้นชีวิตแห่งการภาวนาและการคืนดีกับพระเจ้า
เพื่อเตรียมต้อนรับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า
เราจะต้องเป็นผู้สร้างและนำข่าวดีแห่งความรัก ความเมตตากรุณา การให้อภัยและรับใช้ให้บังเกิดขึ้นในครอบครัว
หมู่คณะ และสังคมของเรา เช่นนี้เอง เราจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในพระอาณาจักรสวรรค์ยิ่งกว่ายอห์นเสียอีก
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
13 ธันวาคม 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น