วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า

การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า
วันอาทิตย์
สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์
ปี A
กจ 1:1-11
อฟ 1:17-23
มธ 28:16-20
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่า หลังจากที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว บรรดาทูตสวรรค์ได้มาห้อมล้อมพระองค์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับงานที่พระองค์ทรงกระทำในโลกว่าเป็นอย่างไร พระเยซูเจ้าได้บอกพวกเขาทุกอย่างเกี่ยวกับงานของพระองค์ อาทิ การบังเกิด ชีวิตในโลก การเทศนาสั่งสอน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานไถ่กู้โลกให้รอดของพระองค์
อัครเทวดาคาเบรียลได้ทูลถามพระองค์ว่า “ในเมื่อเวลานี้พระองค์อยู่บนสวรรค์แล้ว ใครจะเป็นผู้สานต่องานของพระองค์ในโลก” พระเยซูเจ้าตรัสว่าขณะที่อยู่ในโลก พระองค์ได้รวบรวมคนกลุ่มหนึ่งที่รักและเชื่อในพระองค์ และพระองค์ได้มอบหมายให้พวกเขาสานต่องานของพระองค์ในการประกาศพระวรสาร ผ่านทางพระศาสนจักรที่พระองค์ทรงตั้งขึ้น
อัครเทวดาคาเบรียลรู้สึกฉงนใจจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระองค์หมายถึงเปโตร ที่เคยปฏิเสธพระองค์สามครั้ง และกลุ่มคนที่หนีเอาตัวรอดเวลาที่พระองค์ถูกตรึงการเขนนะหรือ” และทูลต่อว่า “หากแผนนี้ใช้ไม่ได้ผลละ พระองค์จะทำอย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราไม่มีแผนอื่นอีก” เป็นความจริงว่าพระเยซูเจ้าไม่มีแผนสอง แผนสาม พระองค์ได้มอบงานทุกอย่างไว้กับผู้ติดตามพระองค์ ภายใต้การนำของพระจิตเจ้า
1.        การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า
ทุกสัปดาห์เราประกาศว่า “(พระเยซูเจ้า) เสด็จขึ้นสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระบิดา” การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้าเป็นหัวใจของแผนการของพระเจ้า ทำให้พันธกิจของพระองค์บรรลุความสมบูรณ์ ได้รับเกียรติรุ่งโรจน์กับพระเจ้า พระบิดา และปัจจุบันพระองค์ทรงประทับอยู่กับเราในองค์พระจิตเจ้า “เราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” (มธ 28:20) ดังนั้น การเสด็จสู่สวรรค์จึงหมายถึงการที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่กับพระบิดาเจ้าอย่างรุ่งเรือง
พระวรสารวันนี้ เราได้เห็นถึงฉากสุดท้ายระหว่างพระเยซูเจ้ากับอัครสาวก ก่อนจากกันพระองค์ได้มอบพันธกิจสำคัญให้กับพวกเขา “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา” (มธ 28:19) ปฏิกิริยาของพวกเขาหลังจากนั้นคือ “กลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง เขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลา ถวายพระพรแด่พระเจ้า” (ลก 24:52-53) ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับก่อนหน้านั้น ที่ชุมนุมกันแต่ในห้องชั้นบนเพราะกลัวชาวยิว
พระเยซูเจ้าได้สั่งบรรดาอัครสาวกให้เป็นพยานที่กรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดียและสะมาเรีย และจนสุดปลายแผ่นดิน (กจ 1:8) พระองค์ได้มอบพันธกิจในการเป็นพยานถึงพระองค์ ด้วยการเทศน์สอนและการเจริญชีวิตตามคุณค่าพระวรสาร ด้วยการออกไปบอกเล่าเรื่องราวชีวิต พระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ ทรงให้ความมั่นใจกับพวกเขาว่าพระจิตเจ้าจะทรงช่วยเหลือให้พันธกิจนี้ดำเนินต่อไป ประการสำคัญ พระองค์ทรงสัญญาจะอยู่กับพวกเขาเสมอไปจนสิ้นพิภพ

2.        บทเรียนสำหรับเรา
การสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์และพระวรสารในวันนี้ ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราจะต้องเป็นผู้ประการพระวรสาร พระเยซูเจ้าได้มอบพันธกิจให้แก่ผู้มีความเชื่อทุกคน “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา” (มธ 28:19) มีความแตกต่างระหว่างการเทศน์สอนกับการประกาศ เราสอนด้วยคำพูด แต่เราประกาศด้วยชีวิตของเรา นั่นหมายความว่า เราถูกส่งไปให้ประกาศข่าวดีแห่งความรักและชีวิต ข่าวดีแห่งความหวังและสันติสุข ในการเป็นพยานด้วยชีวิตของเรา โดยเริ่มต้นจากในครอบครัว หมู่คณะและวัดของเรา
ประการที่สอง เราต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า พระองค์ได้ให้ความมั่นใจว่าจะอยู่กับเราตลอดไป แม้ในห้วงเวลาแห่งความทุกข์และความยากลำบากในชีวิต ดังที่นักบุญเอากุสตินกล่าวเอาไว้ว่า “เวลานี้พระเยซูเจ้าได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ในสวรรค์ แต่ยังคงทรมานในโลก ในความเจ็บปวดและความทุกข์ระทมที่พระกายทิพย์ของพระองค์ได้รับ” แม้จะอยู่ในสวรรค์แล้ว แต่ยังทรงอยู่กับเราในโลกนี้
ประการที่สาม เราต้องดำเนินชีวิตอยู่ในพระเยซูเจ้า เป็นความจริงว่าพระองค์ทรงอยู่กับเรา แต่ปัญหาคือ เราได้อยู่กับพระองค์หรือเปล่า ดังนั้น เราต้องดำเนินชีวิตในพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรักที่เรามีต่อกัน ในการภาวนาร่วมกัน ในการเป็นแสงสว่างแห่งความเชื่อ เพื่อคนอื่นจะได้เห็นความรักและความดีในตัวเรา ต้องทำให้พระวาจาของพระองค์ปรากฏเป็นจริงในชีวิตของเรา

บทสรุป
พี่น้องที่รัก เป็นความปรารถนาสุดท้ายของพระเยซูเจ้าก่อนจะจากบรรดาศิษย์สู่สวรรค์ พระองค์ทรงต้องการให้เราประกาศพระวรสารแก่ทุกคนในโลก นี่เป็นเหมือนกับเจตจำนงสุดท้ายที่ทรงต้องการจากศิษย์ของพระองค์ เราได้รับแสงสว่างแห่งพระวรสารแล้วตั้งแต่วันที่เรารับศีลล้างบาป ดังนั้น เราต้องนำข่าวดีนี้ไปสู่ผู้อื่น ความเชื่อที่เรามีมิใช่สมบัติส่วนบุคคลที่ต้องเก็บรักษาไว้กับตนเอง แต่ต้องแบ่งปันกับผู้อื่นด้วยชีวิตของเรา
พระเยซูเจ้าได้เสด็จสู่สวรรค์อย่างรุ่งโรจน์ เป็นความหวังสำหรับเราว่าสักวันหนึ่งเราจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์เช่นเดียวกัน หากดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์ ในอีกด้านหนึ่ง สวรรค์คือที่ประทับของพระเจ้า ดังนั้น เราต้องอุทิศตนเองเพื่อทำให้โลกนี้กลายเป็นสวรรค์ที่พระเจ้าทรงประทับอยู่ สวรรค์บังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ในโลกนี้ ในความรักต่อกัน ในการให้อภัยความผิดของกันและกัน ในการรับใช้ซึ่งกันและกัน และในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกัน เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะ และวัดของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
27 พฤษภาคม 2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น